นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนกันยายน 2567 เท่ากับ 108.68 เทียบกับสิงหาคม 2567 ลดลง 0.10% เทียบกับเดือนกันยายน 2566 เพิ่มขึ้น 0.61%เป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ปัจจัยสำคัญมาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งสูงกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน และผักสดบางชนิดได้รับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่เพาะปลูกสำคัญ แต่ราคาแก๊สโซฮอล์และน้ำมันเบนซินปรับลดลงในทิศทางที่สอดคล้องกับราคาน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่สินค้าและบริการอื่นๆ ราคาส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนักและหากรวมเงินเฟ้อ 9 เดือนของปี 2567 (มกราคม-กันยายน) เพิ่มขึ้น 0.20%
รายละเอียดเงินเฟ้อเดือนกันยายน 2567 ที่สูงขึ้น 0.61% มาจากการสูงขึ้นของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 2.25% สินค้าสำคัญที่สูงขึ้น แยกเป็นกลุ่มอาหารสด อาทิ ผักสด(ต้นหอม ผักกาดขาว ผักคะน้า พริกสด ผักชี มะเขือ กะหล่ำปลี) ผลไม้สด (เงาะ กล้วยน้ำว้า มะม่วง แตงโม ทุเรียน ฝรั่ง กล้วยหอม) ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว นมสด และไข่ไก่ กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (อาหารกลางวัน ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง กับข้าวสำเร็จรูป) กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำหวาน) และกลุ่มเครื่องประกอบอาหาร (น้ำตาลทราย มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) กะทิสำเร็จรูป) สินค้าที่ราคาลดลง อาทิ ส้มเขียวหวาน ปลาทู น้ำมันพืช หัวหอมแดง กระเทียม และไก่ย่าง เป็นต้น
หมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 0.55% จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง (แก๊สโซฮอล์ น้ำมันเบนซิน) กลุ่มเสื้อผ้า (เสื้อยืดบุรุษและสตรี เสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี กางเกงขายาวบุรุษ) และกลุ่มค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล (แชมพู สบู่ถูตัว ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว ลิปสติก แป้งผัดหน้า น้ำยาบ้วนปาก) ส่วนสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น อาทิ น้ำมันดีเซล ค่ากระแสไฟฟ้า ค่าเช่าบ้าน ค่ารถรับส่งนักเรียน ค่าโดยสารเครื่องบิน และค่าแต่งผมบุรุษและสตรี เป็นต้น
ทางด้านเงินเฟ้อพื้นฐาน เดือนกันยายน 2567 เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก เพิ่มขึ้น 0.11% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2567 และเพิ่มขึ้น 0.77% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2566 เฉลี่ย 9 เดือน ปี 2567 (มกราคม-กันยายน) เพิ่มขึ้น 0.48%
นายพูนพงษ์กล่าวว่า คาดการณ์เงินเฟ้อเดือนตุลาคม 2567 จะอยู่ที่ 1.25% ส่วนทั้งไตรมาส 4 จะอยู่ที่ประมาณ 1.49% ปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น มาจากราคาน้ำมันดีเซลที่กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 30 บาทต่อลิตร ผลกระทบจากน้ำท่วมในบางพื้นที่ ทำให้ราคาผักสดปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น สินค้าและบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าตั๋วเครื่องบิน ที่สอดคล้องกับฤดูกาลท่องเที่ยว แต่ก็มีปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อลดลง อาทิ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อน โดยขณะนี้เฉลี่ย 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปีก่อนเฉลี่ย 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เงินบาทแข็งค่า ส่งผลให้ต้นทุนสินค้านำเข้าถูกลง โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีสัดส่วนในตะกร้าเงินเฟ้อสูง และผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีกรายใหญ่ จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่อเนื่อง หลังภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกไปแล้ว
ส่วนผลจากการแจกเงิน 10,000 บาทในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ สนค.ได้มีการสำรวจร้านค้าที่จำหน่ายข้าวสาร เนื้อสัตว์ ผลไม้ และร้านขายของชำ เป็นต้น พบว่า ยอดจำหน่ายสินค้าภายในร้านเพิ่มขึ้น แต่ราคาสินค้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงแสดงให้เห็นว่าเงิน 10,000 บาท เพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางจริง
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 จากเดิมระหว่าง0.0–1.0% ค่ากลาง 0.5% เป็นระหว่าง 0.2-0.8%ค่ากลาง 0.5% ภายใต้สมมุติฐาน อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) อยู่ที่ 2.3-2.8% น้ำมันดิบดูไบ 75-85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน 34.5-35.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี