นายชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอแห่งประเทศไทย (THTI) เปิดเผยว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยกำลังปรับตัวก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ที่เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงและมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตัวอย่างที่ชัดเจนในการปรับตัวตามทิศทางนี้ คือ อุตสาหกรรมนอนวูฟเวน (Nonwoven Fabric) โดยเป็นหนึ่งในนวัตกรรมสิ่งทอที่ไม่ใช้กระบวนการถักหรือทอเส้นใยผ้าแบบดั้งเดิม แต่ใช้เทคโนโลยีทำให้เส้นใยเรียงต่อกันเป็นผ้าผืน มีทั้งที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติหรือทำจากโพลีเอสเตอร์ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีกระบวนการผลิตที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ช่วยลดเวลา และต้นทุนในการผลิตอีกทั้งยังมีคุณสมบัติพิเศษทั้งในด้านความทนทาน กันน้ำ น้ำหนักเบา สามารถนำไปผลิตเป็นสินค้าได้หลากหลายทั้งในอุตสาหกรรมการแพทย์ ยานยนต์ การเกษตร สุขอนามัย เป็นต้น

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมนอนวูฟเวนเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในไทยและในตลาดโลก โดยในปี 2566 มีมูลค่าในตลาดโลกสูงถึง 50.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนปี 2567 คาดจะเติบโตถึง54.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดจะมีมูลค่าถึง 148.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2579 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 8.7% ต่อปี

โดยปัจจุบันประเทศไทยเป็นผู้นำตลาดนอนวูฟเวนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 48% และกำลังการผลิตสูงถึง 162,000 ตันต่อปี อีกทั้งไทยยังเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดการณ์ว่าผลิตได้เกิน 1.7 ล้านคันต่อปี ซึ่งใช้นอนวูฟเวนเป็นวัตถุดิบในการผลิต ยิ่งตอกย้ำถึงตลาดที่มีขนาดใหญ่และดีมานด์สูงในไทย

นายชาญชัย กล่าวว่า สถาบันสิ่งทอฯเล็งเห็นโอกาสและความพร้อมของไทยจึงมีมาตรการส่งเสริมการค้าและการลงทุนในอุตสาหกรรมนอนวูฟเวน และมีนโยบายที่จะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดงาน “Asia NonwovensTechnology Expo” หรือ “ANTEX Asia 2024” ระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายน 2567 ณ ศูนยนิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) ซึ่งเป็นมหกรรมแสดงสินค้าเทคโนโลยีและนวัตกรรมของอุตสาหกรรมนอนวูฟเวนที่ครบวงจรในไทยและใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นายนิวัติ เลิศนิมิตธรรม นายกสมาคมการค้าอุตสาหกรรมผ้านอนวูเว่นไทย กล่าวว่าอุตสาหกรรมนอนวูฟเวนเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง น่าจับตา มีมูลค่ามหาศาลในตลาดโลกและมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสำคัญมาจาก การขยายตัวของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ สุขอนามัย ยานยนต์ รวมถึงกระแสเรื่องความยั่งยืน ที่ทำให้ทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น หากส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกของอุตสาหกรรมนอนวูฟเวนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ จะก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น การส่งออกที่ขยายตัวการพัฒนาอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง รวมถึงช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในภูมิภาค ซึ่งไทยมีศักยภาพและความพร้อมในหลายด้าน เนื่องจากเป็นฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง มีแรงงานที่มีทักษะและประสบการณ์ มีต้นทุนการผลิตที่แข่งขันได้ อีกทั้งยังมีความได้เปรียบในด้านภูมิศาสตร์ซึ่งเป็นทำเลยุทธศาสตร์ที่เอื้อต่อการขยายธุรกิจในระดับสากล