นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อํานวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าสนค. ได้ติดตามสถานการณ์การค้าและแนวโน้มของสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง (อาหารสุนัขหรือแมว พิกัด HS Code 230910) พบว่าไทยเป็นประเทศผู้นำด้านการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของโลก โดยในปี 2566 เป็นผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับที่ 4 ของโลก มีส่วนแบ่ง 8.39% ของมูลค่าการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงโลกรองจากเยอรมนี ที่มีส่วนแบ่ง 13.07% สหรัฐฯ 9.81% และฝรั่งเศส 9.77%
ส่วนภาพรวมการส่งออกในปี 2566 มีมูลค่า 2,092.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (72,250 ล้านบาท) ลดลง 15% โดยตลาดส่งออกสำคัญของไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐฯ สัดส่วน 28.43% ของมูลค่าการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย ญี่ปุ่น สัดส่วน 15.78% มาเลเซีย 6.16% อิตาลี 5.91% และออสเตรเลีย 5.55% และในช่วง 8 เดือนของปี 2567 (มกราคม-สิงหาคม) ส่งออกมูลค่า 1,769.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (63,453 ล้านบาท) เพิ่ม 34.2% โดยตลาดสำคัญ อาทิ สหรัฐฯ เพิ่ม 57.3% อิตาลี เพิ่ม 49.5% ออสเตรเลีย เพิ่ม 43% มาเลเซีย เพิ่ม 7.4% และญี่ปุ่น เพิ่ม 4.1%
สำหรับตลาดที่น่าสนใจ คือ จีน พบว่า ในปี 2566 เป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 13 ของไทยมีมูลค่า 38 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,310 ล้านบาท)ลดลง 42.2% คิดเป็นสัดส่วน 1.82% ของมูลค่าการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย ส่วนช่วง 8 เดือนปี 2567 ส่งออกมูลค่า 27.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (974 ล้านบาท) เพิ่ม 9% และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 9.38% จากเดิม 7.09% โดยแหล่งนำเข้าของจีนอันดับหนึ่ง คือ สหรัฐฯ สัดส่วน 66.89% นิวซีแลนด์ 13.51% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยยังมีโอกาสเติบโตในตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น
ปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของอาหารสัตว์เลี้ยง มีผลการศึกษาของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) เรื่อง ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ที่ระบุว่า ในปี 2566 สุนัขและแมวในเขตเมืองทั่วประเทศจีน มีจำนวนมากกว่า 120 ล้านตัว เพิ่ม 4% โดยเป็นแมว 70 ล้านตัว เพิ่ม 7% สุนัข 52 ล้านตัว เพิ่ม 1% ส่งผลให้ความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น โดยปี 2566 การบริโภคอาหารแมว มูลค่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 7.6% อาหารสุนัข มูลค่า 10,500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 4% โดยสัดส่วนจำนวนเจ้าของสัตว์เลี้ยงอยู่ในเขตเมืองรองระดับสอง เช่น ฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง นครฉางชุน มณฑลจี๋หลิน และนครเสิ้นหยาง มณฑลเหลียวหนิง มากสุด 41% รองลงมา คือ เมืองหลักระดับหนึ่ง และเมืองรองระดับสาม สัดส่วน 29% และ 30% ตามลำดับ และมณฑลเหลียวหนิง ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ติด 1 ใน 10 อันดับของมณฑลที่มีการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากที่สุด โดยสุนัขและแมว 70% ของตลาดสัตว์เลี้ยงในจีนมาจากมณฑลเหลียวหนิง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาหารสัตว์เลี้ยงนำเข้าจากต่างประเทศสามารถเติบโตในจีน สินค้าจะต้องวางจำหน่ายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ขาดตลาด เพื่อป้องกันผู้บริโภคหันไปซื้อแบรนด์อื่นและสินค้าทางออนไลน์ที่ถูกกว่า อาหารสัตว์เลี้ยงต้องมีความสดใหม่ ต้องควบคุมราคาไม่ให้แตกต่างกันมากในแต่ละช่องทางการจำหน่าย และบรรจุภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงต้องมีสีสันสวยงามและสะดุดตา รวมทั้งควรมีข้อมูลอธิบายเกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการและคุณสมบัติเฉพาะของผลิตภัณฑ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี