นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทยเปิดเผยว่า จากที่ตนได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทยคนใหม่ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 และนับเป็นประธานคนที่ 12 ที่ได้รับความไว้วางใจจากกรรมการบริหารและสมาชิกของสมาคมฯ เพื่อร่วมกันสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมค้าปลีก ซึ่งเป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทย เนื่องจากอุตสาหกรรมค้าปลีกมีมูลค่ากว่า 4.4 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ระยะเวลา 2 ปีนับจากนี้ (ปี 2567-2569) ตนจะดำเนินนโยบายร่วมกับกรรมการบริหารและสมาชิกสมาคมฯ รวมไปถึงภาคีเครือข่ายสมาคมฯ โดยการวางรากฐานและเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาและส่งเสริมภาคค้าปลีกไทยผ่าน นโยบายการดำเนินงาน “TRA GREAT”
โดยนโยบายการดำเนินงาน “TRA GREAT” ประกอบด้วย 1.G-Global Hub Of Lifestyle : สนับสนุนการยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคและระดับโลกด้านการท่องเที่ยว การรักษาพยาบาล การช้อปปิ้ง กีฬา กิจกรรมบันเทิง และการต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์และการเตรียมพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ โดยการสนับสนุนและต่อยอดการเป็น “ไลฟ์สไตล์ฮับแห่งเอเชีย” (Lifestyle Hub of Asia) ทั้งทางด้านการแพทย์และส่งเสริมสุขภาพ, ช้อปปิ้ง, กีฬา และธรรมชาติ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วยการปักหมุดในการเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกในด้าน “Shopping Paradise”หรือ “สวรรค์แห่งการช้อปปิ้ง” ที่จะช่วยสร้างเม็ดเงินไหลเวียนทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล อาทิ การสนับสนุนการลดภาษีสินค้านำเข้าไลฟ์สไตล์หรูเพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมายังประเทศไทยมากขึ้นและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยต่อคนเพิ่มขึ้น ช่วยลดช่องว่างการเกิดเกรย์มาร์เก็ต(grey market) ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการจัดเก็บภาษีของภาครัฐได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย รวมทั้งสนับสนุนการสร้างและต่อยอด Thailand Soft Power อาทิ วัฒนธรรม อาหาร ภาพยนตร์ และอื่นๆ ด้วยความร่วมมือผ่านภาคีเครือข่ายสมาคมฯ
2.R-Reinforce Retailer Competitiveness : สร้างความแข็งแรงและความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการค้าปลีกไทย โดยสนับสนุนช่องทางจำหน่ายให้กับสินค้าของกลุ่ม SME โดยเฉพาะวิสาหกิจรายย่อย (Micro SME) ที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี และ สินค้าท้องถิ่น สินค้าชุมชน เพื่อสร้างช่องทางการตลาดและโอกาสในการจำหน่ายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยสมาคมผู้ค้าปลีกไทยมีแผนคิกออฟการเปิดพื้นที่ออกร้านจำหน่ายสินค้า SME สัญจรไปทั่วประเทศณ ศูนย์การค้าและห้างร้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ภายในเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนและลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ (Ease Of Doing Business)เช่น ส่งเสริมให้ Micro SME หันมาใช้ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Transaction) เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย,การปรับโครงสร้างภาษีของภาครัฐให้เข้ากับบริบทการค้าปัจุบันเพื่อให้ภาครัฐสามารถจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น รวมถึงสนับสนุนและสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของเอสเอ็มอี โดยร่วมส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีจดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อเป็นฐานข้อมูลประกอบการพิจารณาสินเชื่อตามกลไกตลาด พร้อมทั้งเร่งจัดหากองทุนสินเชื่อ Soft Loan ดอกเบี้ยต่ำด้วยเงื่อนไขที่ไม่ซ้ำซ้อนและเข้าถึงได้ง่าย
3.E-Elevate Human Capital : สร้างอุปสงค์อุปทานด้านแรงงานและพัฒนาความสามารถของแรงงานธุรกิจค้าปลีกในทุกระดับทั้งการสนับสนุนการจ้างงานผู้สูงอายุ, พัฒนาฝีมือแรงงาน (Upskill, Reskill) เพื่อยกระดับขีดความสามารถในธุรกิจค้าปลีก และสนับสนุนการใช้หลักเกณฑ์มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติและมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพมากำหนดอัตราค่าจ้างแทนค่าแรงขั้นต่ำ
4.A-Accelerate Action On Environment And Sustainability : เร่งสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนสู่ภาคปฏิบัติ ด้วยการส่งเสริมให้ภาคค้าปลีกมุ่งสู่ธุรกิจสีเขียว ตั้งแต่การพัฒนา การปรับปรุงกระบวนการผลิต และการบริหารจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อขานรับนโยบายภาครัฐในด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับสถานประกอบการที่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, การยกระดับเรื่องสุขอนามัยและมาตรฐานความปลอดภัยในด้านอาหาร (Food Safety & Food Hygiene) การจัดการอาหารส่วนเกิน และการจัดการขยะของเสียอย่างครบวงจร อาทิ การเข้าร่วมโครงการยกระดับและพัฒนางานสุขาภิบาลอาหาร ผ่านสัญลักษณ์ อาหารสะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ป้ายแซน (SAN) หรือ แซนพลัส (SAN plus) ของกรมอนามัย และการขับเคลื่อนเรื่อง Waste Management ในห้างร้านของสมาชิกอย่างเป็นรูปธรรม และการรณรงค์ให้ความรู้มาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการใช้พลังงาน ของสมาชิกครบ 100% ภายใน 4 ปี (2567-2571) รวมทั้งส่งเสริมการลดคาร์บอน เช่น การขยายช่องทางซื้อขายคาร์บอนเครดิตผ่านแอปพลิเคชั่น CERO Carbon Wallet ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เป็นต้น
5.T-Technology Adoption : สนับสนุนการใช้ เทคโนโลยีในธุรกิจค้าปลีกเพื่อก้าวสู่การเป็น Smart Retailผ่านการอบรมให้ความรู้แก่สมาชิกและผู้ประกอบการรายย่อยอย่างต่อเนื่อง ทั้งการสนับสนุนการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ, ส่งเสริมมาตรการด้านการลงทุนเทคโนโลยีค้าปลีกและผลประโยชน์ด้านลดหย่อนภาษี และยกระดับธุรกิจค้าปลีกภูมิภาคให้มีความเข้าใจ เข้าถึง และรู้เท่าทันนวัตกรรมและเทคโนโลยีโดยสมาคมฯเชื่อว่าอุตสาหกรรมค้าปลีกจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศที่เชื่อมโยงระบบนิเวศธุรกิจอย่างรอบด้าน ท่ามกลางภาวะโลกผันผวน เศรษฐกิจชะลอตัว และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของพฤติกรรมผู้บริโภค ดังนั้นการได้รับการส่งเสริมและยกระดับในทุกมิติ จะเป็นแรงหนุนเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งและยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี