‘นภินทร’หารือร่วมค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ Sony - Universal - Warner Music บูมอุตสาหกรรมเพลงไทย ต่อยอด Soft Power เพิ่มมูลค่าด้วย Music IP
28 ตุลาคม 2567 นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดการประชุมคณะกรรมการสมาพันธ์ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศ (IFPI) แห่งภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก (IFPI Asia-Pacific Regional Board Meeting) ณ โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท โดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสมาพันธ์ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศ (IFPI) ได้หารือเพื่อวางเป้าหมายในการผลักดันอุตสาหกรรมเพลงไทยให้เติบโตและเป็นที่ต้องการของตลาดโลก โชว์ศักยภาพเพลงไทย สร้างรายได้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ร่วมมือกับภาคเอกชนดึงกลยุทธ์ สร้างคอนเทนต์ครอบคลุมรอบด้าน ปลุกกระแสเพลงไทยดันศิลปินสร้างเอกลักษณ์สู่เวทีโลก
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเพลงไทยกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีผลงานเพลงไทยได้รับความนิยมทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เห็นได้จากการที่วงการดนตรีของไทยเริ่มเป็นที่รู้จักและสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศ แสดงให้เห็นศักยภาพและโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงไทยในตลาดระดับโลก กระทรวงพาณิชย์มอบหมายกรมทรัพย์สินทางปัญญา ในฐานะองค์กรหลักในการขับเคลื่อนทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศเดินหน้าเป็นฟันเฟืองหลักสนับสนุนศิลปิน และธุรกิจเพลงไทย เพื่อยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมเพลงไทย ให้เป็นหนึ่งใน hidden gem ที่พร้อมส่องประกายบนเวทีโลก
นายนภินทร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เพลงไทยเติบโตในยุคดิจิทัล คือ ทรัพย์สินทางดนตรี (Music IP) ซึ่งหมายถึงสิทธิหรือลิขสิทธิ์เพลงที่เป็นจุดแข็งเชิงกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ค่ายเพลงมีรายได้ต่อเนื่องและยาวนานหลายสิบปี ในขณะเดียวกันเทคโนโลยี AI กำลังเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญ และกลายเป็นหนึ่งในความท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมเพลงทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ในวันนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่กระทรวงพาณิชย์จะได้ร่วมหารือกับ CEO ของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ เช่น Sony Music Entertainment Universal Music Group และ Warner Music Group ซึ่งเป็นคณะกรรมการบริหาร (Executive Committee) ของสมาพันธ์ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศ (IFPI) ซึ่งเป็นองค์กรมีสมาชิกกว่า 8,000 บริษัทจากกว่า 70 ประเทศ เพื่อหาแนวทางความร่วมมือในการส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงไทย สร้างเครือข่ายที่ทรงพลัง เพื่อช่วยส่งเสริมให้ศิลปินไทยสามารถสร้างรายได้จากผลงานเพลงของตนอย่างเต็มศักยภาพและขยายไปสู่ตลาดสากลได้อย่างมั่นคง
“แม้ไทยจะเป็นตลาดขนาดเล็กเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศยักษ์ใหญ่อื่นๆ ในเอเชีย แต่กลับแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่น่าทึ่ง โดยในปี 2023 ตลาดเพลงในไทย มีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่ 5 ของเอเชีย ผ่านเม็ดเงิน 107.7 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3,600 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้สูงสุดในอาเซียน และมากกว่าจีนฮ่องกง รวมถึงจีนไทเป โดยมูลค่าดังกล่าวเติบโต 6.3% จากปี 2022 ซึ่งความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลไทยเล็งเห็นถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมเพลงในฐานะเครื่องมือสำคัญภายใต้กลยุทธ์ซอฟต์พาวเวอร์เพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่เวทีโลก โดยกระทรวงพาณิชย์มีแผนเดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเพลงไทย ให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศอย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างการจัดทำร่างกฎหมายเพื่อกำกับดูแลการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ในประเทศไทยให้มีความโปร่งใสและเป็นธรรม เป็นประโยชน์แก่ทั้งเจ้าของลิขสิทธิ์และผู้ใช้งาน เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ดีให้อุตสาหกรรมเพลงไทยสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายนภินทร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี