nn บมจ.ไทยออยล์...คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์นี้ (28 ต.ค. - 1 พ.ย. 2567)...โดยระบุว่าราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันต่อเนื่อง เนื่องจากตลาดคลายกังวลต่อผลกระทบอุปทานน้ำมันดิบจากความพยายามในการเจรจาหยุดยิงในตะวันออกกลาง ขณะที่ตลาดจับตาโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่จะจัดขึ้นวันที่ 5 พ.ย. 2567 อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้น้ำมันดิบจีนปรับเพิ่มจากโรงกลั่นใหม่ จีนได้รับการจัดสรรโควตานำเข้าน้ำมันดิบเพิ่ม ขณะที่ธนาคารแห่งชาติของจีนประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้าชั้นดี นอกจากนี้สต๊อกน้ำมันทั่วโลกคาดอยู่ในภาวะขาดแคลนในไตรมาส 4...ไทยออยล์...คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 66-76 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล...ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 71-81เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล...
nn จากกรณีที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2567 ได้มีมติให้ดำเนิน “มาตรการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันสำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบเพื่อมอบสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือค่าน้ำมันแก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 120 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค. 2567....ขณะนี้มาตรการดังกล่าวยังไม่ได้ถูกนำเสนอต่อ ครม. เนื่องจากในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.2567 ที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง (นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินใจพ้นจากตำแหน่ง) ประกอบกับรัฐบาลได้จ่ายเงินตามโครงการดิจิตอล วอลเล็ต ให้ประชาชนกลุ่มที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 10,000 บาทต่อคนประกอบกับเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันโลกปรับตัวลดลงด้วย...ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้กระทรวงพลังงานพิจารณาเห็นว่า “มาตรการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันสำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ที่กำหนดไว้ควรต้องยกเลิกไปก่อน เนื่องจากเป็นเงินที่จะจ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเช่นเดียวกับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการทับซ้อนในการจ่ายเงินขึ้น...
nn สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ได้รายงานสถานะเงินกองทุนฯ สถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (ล่าสุด ณ วันที่ 20 ต.ค. 2567) พบว่า เงินกองทุนฯ ติดลบลดลงต่อเนื่อง โดยปัจจุบันติดลบรวม-93,602ล้านบาท ซึ่งลดลงเรื่อยมาตั้งแต่ 22 ก.ย. 2567 จากระดับที่เคยติดลบกว่าแสนล้านบาทโดยในปี 2567 กองทุนฯ เคยติดลบต่ำสุดอยู่ที่ -80,074 ล้านบาท เมื่อเดือน ม.ค. 2567 และติดลบสูงสุดอยู่ที่ -111,663 ล้านบาทในเดือนก.ค. 2567...ทั้งนี้สาเหตุที่ยอดเงินติดลบปรับลดลงต่อเนื่องเกิดจาก คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้พิจารณายกเลิกการชดเชยราคาน้ำมันทุกชนิดตั้งแต่เดือน ส.ค. 2567 และกลับมาเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันส่งเข้ากองทุนฯแทน โดยล่าสุดกำหนดให้ผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดต้องส่งเงินเข้ากองทุนฯ...โดยผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ต้องส่งเงินเข้ากองทุนฯ 10.68 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ต้องส่งเข้าถึง 4.60 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ต้องส่งเข้า 2.61 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ต้องส่งเข้า 1.16 บาทต่อลิตร (ปัจจุบันยอดการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ อยู่ที่31.65 ล้านลิตรต่อวัน)...ส่วนผู้ใช้น้ำมันดีเซลและดีเซล B20 ต้องส่งเงินเข้ากองทุนฯ 2.58 บาทต่อลิตร และดีเซลเกรดพรีเมียมต้องส่งเข้ากองทุนฯ 4.08 บาทต่อลิตร (ปัจจุบันยอดการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลรวมอยู่ที่ 67.48 ล้านลิตรต่อวัน)…ส่งผลให้กองทุนฯ มีเงินไหลเข้าประมาณ 337 ล้านบาทต่อวัน หรือ 10,110 ล้านบาทต่อเดือน โดยมาจากเงินไหลเข้าจากผู้ผลิต LPG 5.94 ล้านบาทต่อวัน และเงินไหลเข้าจากผู้ใช้น้ำมัน 331 ล้านบาทต่อวัน...ส่วนค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมัน ที่รายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ณ วันที่ 22 ต.ค. 2567 พบว่าค่าการตลาดกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ยังคงทรงตัวในระดับสูง โดยน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ถูกเรียกเก็บค่าการตลาด 4.40 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีค่าการตลาดที่ 3.33 บาทต่อลิตร,น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 3.40 บาทต่อลิตร,น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 3.38 บาทต่อลิตร,น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 3.07 บาทต่อลิตร,ดีเซล อยู่ที่ 1.89 บาทต่อลิตร และ ดีเซล B20อยู่ที่ -0.12 บาทต่อลิตร โดยเฉลี่ยค่าการตลาดระหว่าง 1-22 ต.ค. 2567 อยู่ที่2.40 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่เหมาะสมที่ 1.5-2 บาทต่อลิตร)...สำหรับราคาดีเซล ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) เคยกำหนดให้ตรึงราคาจำหน่ายไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ต.ค. 2567 นี้ ทางกระทรวงพลังงานเตรียมเสนอครม. พิจารณาขยายมาตรการตรึงราคาต่อไปจนถึงสิ้นปี 2567 นี้...
nn บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมของไทย...ได้ชำระไถ่ถอนหุ้นกู้ ครั้งที่1/2565 (WEH24OA) เต็มจำนวน 924.1 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ตรงตามกำหนดไถ่ถอนเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567...และเตรียมที่จะเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ครั้งที่ 2/2567 มีอายุ 2 ปี 6 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2570 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 7.15 ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้เสนอขายแก่กลุ่มผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ ในช่วงระหว่างวันที่29-31 ตุลาคม 2567 และออกตราสารหุ้นกู้ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเตรียมขยายกิจการ ลงทุนในโครงการใหม่ เพื่อให้กู้ยืมเงินหรือชำระหนี้ภายในกลุ่มบริษัท และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน...“บริษัทฯยังคงมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในระดับสูงกว่า 9,000 ล้านบาทต่อปี ต่อเนื่องกันมา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564-2566...โดยมีรายได้กว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี กำไรกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนปี 2567 คาดว่าจะมีรายได้แตะระดับ 10,000 ล้านเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน จากตัวเลขผลประกอบการครึ่งปีแรกมีรายได้ 5,062 ล้านบาทกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 2,442 ล้านบาทและสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 4,940 ล้านบาท...nn
กระบองเพชร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี