นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐงบประมาณประจำปี 2567 (ต.ค. 2566-ก.ย. 2567) พลาดเป้า 4-5 พันล้านบาทถือเป็นการพลาดเป้าจากประมาณการงบประมาณเล็กน้อย โดยไม่มีการขาดดุลงบประมาณเพิ่มเติม โดยสาเหตุของการติดลบ มาจากในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปีงบประมาณ เกิดการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนทำให้เงินบาทแข็งค่า ส่งผลต่อการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากสินค้านำเข้าลดลง ซึ่งผลกระทบการจัดเก็บรายได้จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนคาดว่าจะได้มีการหารือกันในระดับนโยบายร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บรายได้ที่ไม่เป็นไปประมาณการไม่มีผลต่อการขาดดุลงบประมาณปี 2567 เพิ่มเติม เนื่องจากมีส่วนการเบิกจ่ายที่ไม่เป็นไปตามเป้าขณะที่เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนของกระทรวงการคลัง ได้เตรียมรายงาน และเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเดินทางมาที่กระทรวงการคลังในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ในวันที่ 31 ต.ค.2567 โดยจะมีการหารือ และเตรียมแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า ว่าจะมีการออกมาตรการอะไร และในช่วงเวลาใด

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่ารายได้ภาษีสิ้นปีงบประมาณปี’67 ต่ำกว่าเป้าหมาย 4-5 พันล้านบาท จากยอดรายได้สุทธิงบประมาณปี’67 (ตุลาคม 2566-สิงหาคม 2567) ยอดรวม 2.45 ล้านล้านบาท เรื่องดังกล่าวรับรู้ว่าอาจพลาดเป้าหมายตั้งแต่กลางปีงบประมาณแล้ว เพราะได้ลดภาษีสรรพสามิตไปช่วยเหลือตึงราคาดีเซล เพื่อลดภาระต้นทุนให้กับประชาชน ทำให้ภาษีสรรพสามิตพลาดเป้า 2.8 หมื่นล้านบาท ปัจจัยเข้ามากระทบหนักเป็นสำคัญคือ ค่าเงินบาทแข็งค่า จึงกระทบต่อภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้า จึงทำให้ยอดรายได้ภาษีพลาดเป้าหมาย

“ไม่กระทบต่อกระบวนการบริหารจัดการงบประมาณ ยังบริหารจัดการเบิกจ่ายกระแสเงินสดได้ตามปกติ และแรงกดดันจากค่าเงินบาท เริ่มเบาบางลงหลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ช่วงที่ผ่านมา ต้องจับตาดู กนง.จะพิจาณาดอกเบี้ยในรอบถัดไปอย่างไร” นายจุลพันธุ์กล่าว