นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.7% (ช่วงคาดการณ์ที่ 2.2 ถึง 3.2%) คงเดิมจากประมาณการครั้งก่อนและนับเป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2566 ที่ขยายตัวที่1.9% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในปี 2567คาดว่าจะมีจำนวน 36.0 ล้านคน ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 4.6% เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อน
“จากสถานการณ์อุทกภัย ซึ่งคาดการณ์มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นจากทุกภาคส่วนราว 4,000 ล้านบาทโดยเฉพาะภาคการเกษตรและท่องเที่ยว แต่ผลจากมาตรการต่างๆ ของรัฐได้ชดเชยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนมากขึ้น” นายพรชัย กล่าว
สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ คาดว่า จะขยายตัวที่ 2.9% เนื่องจากมีสัญญาณฟื้นตัวดีกว่าคาดในไตรมาสที่ 2 และ 3 จากโอกาสของผู้ประกอบการไทยแทนที่สินค้าจีนที่ถูกปรับขึ้นภาษีจากสหรัฐอเมริกา ขณะที่การบริโภคภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวที่ 2.1% และการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวที่ 0.8% อย่างไรก็ดี การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าหดตัวที่ -1.9% เนื่องจากการหดตัวของการลงทุนด้านเครื่องจักรเครื่องมือโดยเป็นผลมาจากยอดขายรถยนต์สันดาปที่ลดลง ซึ่งต้องจับตาการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างใกล้ชิด
ส่วนเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 0.4% ลดลงจากประมาณการครั้งก่อนอยู่ที่ 0.6% เนื่องจากราคาพลังงานในตลาดโลกปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อต่ำยังไม่เข้าข่ายภาวะเงินฝืด เนื่องจากเศรษฐกิจปีนี้ยังขยายตัวได้ และเสถียรภาพภายนอกประเทศ ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2567 มีแนวโน้มที่จะเกินดุล 10.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 1.9% ของ GDP
นายพรชัยกล่าวอีกว่า ในปี 2568 กระทรวงการคลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเร่งขึ้นที่ 3.0% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ 2.5 ถึง 3.5%) จากปัจจัยบวก 4 ด้านหลัก คือ การบริโภคภาคเอกชน การส่งออกสินค้าการท่องเที่ยว และการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนโดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 2.9 ต่อปี% (ช่วงคาดการณ์ที่ 2.4 ถึง 3.4%) ขณะที่การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามอุปสงค์ในตลาดโลกและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยคาดว่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวที่ 3.1% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ 2.6 ถึง 3.6%) นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในปี 2568 คาดว่าจะมีจำนวน 39.0 ล้านคน ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ รวมถึงมีแรงสนับสนุนสำคัญจากงบประมาณปี 2568 ที่พร้อมเร่งเบิกจ่าย ส่งผลให้คาดว่าการบริโภคภาครัฐจะขยายตัวที่ 2.2% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ 1.7 ถึง 2.7%)
ทั้งนี้ในปี 2568 การลงทุนจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยได้รับแรงหนุนจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.การลงทุนภาคเอกชนที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.3% ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวเร่งตัวขึ้นจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนผ่านมาตรการของบีโอไอ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 2.การลงทุนภาครัฐที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 4.7% ต่อปี จากการเร่งรัดการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนและการเร่งรัดโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 และโครงการรถไฟทางคู่ในเส้นทางต่างๆ ซึ่งจะช่วยยกระดับศักยภาพการแข่งขันและกระตุ้นการลงทุนต่อเนื่องในภาคเอกชน
สำหรับบทบาทสำคัญของกระทรวงการคลังในปี 2568 จะมีการดำเนินนโยบายการคลังเชิงบูรณาการ โดยมุ่งเน้นการรักษาวินัยและเสถียรภาพทางการคลัง(Fiscal Discipline and Stability) ผ่านการบริหารจัดการรายได้และรายจ่ายภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการรักษาระดับหนี้สาธารณะให้อยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลัง โดยจากการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ล่าสุด ได้มีการทำความเข้าใจตรงกันว่ากระทรวงการคลังจะลดบทบาทและความร้อนแรงของการใช้นโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากการดำเนินนโยบายที่ผ่านมา มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของระดับหนี้สาธารณะและเป็นความเสี่ยงการจัดการภาระทางการคลังในอนาคต โดยคาดหวังให้การขาดดุลงบประมาณในปี 2569 ให้อยู่ที่ประมาณ 3% โดยปัจจุบันตามแผนการคลังระยะปานกลาง งบประมาณรายจ่ายปี 2568 จำนวน 3.75 ล้านล้านบาท มีการตั้งขาดดุลงบฯ อยู่ที่ 4.5% GDP และปี 2569 อยู่ที่ 3.5%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี