ll ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกยังคงร้อนแรงและยืดเยื้อ ส่งผลให้ตลาดเงินปั่นป่วนอยู่เป็นระยะ และทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนทั่วโลก ส่วนใหญ่ย้ายไปในประเทศที่ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง เช่น ก่อนเกิดสงครามการค้าช่วงปี 2561-2562 เม็ดเงินลงทุนจากสหรัฐฯไหลเข้าจีนขยายตัวเฉลี่ย 11% ต่อปี แต่หลังจากเกิดสงครามการค้าเม็ดเงินลงทุนได้ไหลไปสู่ประเทศที่เป็นพันธมิตร อาทิ แคนาดา เม็กซิโก รวมถึงประเทศอื่นๆ ในเอเชียที่วางตัวเป็นกลาง ขณะเดียวกัน เม็ดเงินจากผู้ประกอบการจีนก็มีการย้ายไปสู่ประเทศที่ไม่มีความขัดแย้ง อย่างเช่น อาเซียน อินเดีย รวมทั้งประเทศในแถบแอฟริกา
การเคลื่อนย้ายของเงินทุนเพื่อเลี่ยงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ตลาดการเงินเปราะบางและมีความผันผวนสูง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ค่าเงินบาทในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 แข็งค่าขึ้นมากกว่า 3% ตั้งแต่ต้นปี เป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าการคาดการณ์ของตลาด ประกอบกับการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีนที่ส่งผลเชิงบวกต่อทิศทางเงินสกุลภูมิภาค ค่าเงินบาทยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยในประเทศที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ การเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้เงินลงทุนต่างชาติที่เริ่มไหลกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ไทยตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคม รวมถึงราคาทองคำที่ปรับเพิ่มขึ้น
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)เปิดเผยว่า หลังการเลือกตั้ง ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาค ความผันผวนของตลาดเงินอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจและผู้ประกอบการไทย ทำให้ต้นทุนการเงินสูงขึ้น สร้างความเปราะบางให้ภาคธุรกิจต่อเนื่องและยังส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนสูงตามไปด้วย ซึ่งเป็นความท้าทายของทั้งภาคธุรกิจที่จะต้องบริหารต้นทุนให้ดี โดยเฉพาะผู้ที่ทำการค้าระหว่างประเทศ
“ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก หรือLocal Content เช่น กลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร เช่น ข้าว ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ในขณะเดียวกันก็ส่งผลดีต่อการนำเข้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าในกลุ่มพลังงาน เครื่องจักรอุตสาหกรรมผู้ประกอบการควรใช้โอกาสนี้ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่จะทำให้ต้นทุนถูกลง” ดร.รักษ์ กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงให้กับผู้ประกอบการที่ทำการค้าระหว่างประเทศ จากความเปราะบางตลาดเงินและความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน EXIMBANK จึงได้ขานรับนโยบายกระทรวงการคลัง เดินหน้าช่วยเหลือผู้ส่งออก SMEs ไทยด้วยบริการครบวงจรให้ภาคเอกชนใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน อาทิ สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า(Foreign Exchange Forward Contract)หรือการทำประกันค่าเงิน (ForeignExchange Options) เพื่อเสริมสภาพคล่องและปิดความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศประกอบด้วย 1.EXIM Happy ExportCredit สินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ 2 ปีแรก3.25% ต่อปี เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจส่งออกและที่เกี่ยวเนื่อง 2.Happy Foreign Exchange Forward Contract บริการสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าในอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษรับ Happy FX Rate โบนัสเพิ่มอีก 3 สตางค์จองได้สูงสุด 9 สกุลเงินหลัก ให้บริการผู้ส่งออกทั่วประเทศทั้งที่มีวงเงินสินเชื่อกับ EXIM BANK หรือสถาบันการเงินอื่น โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม
ดร.รักษ์ กล่าวว่า ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่คาดเดายาก แต่บริหารจัดการได้ EXIM BANK จึงออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นเครื่องมือปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนให้แก่ผู้ส่งออก พร้อมโบนัสพิเศษ Happy FX Rate และสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออก SMEsมีสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ผู้ที่ทำการค้าระหว่างประเทศ ควรทำประกันการส่งออกเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศด้วย
EXIM BANK ยังจัดโครงการอบรมเติมความรู้ทางการเงิน โดยเฉพาะความรู้ด้านการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่เงินบาทผันผวน ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกไทยรับมือกับความเสี่ยงการค้าระหว่างประเทศได้อย่างเป็นมืออาชีพเพื่ออัปเดตทิศทางและวิธีปิดความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศอย่างมืออาชีพเทรนด์ตลาดและสินค้าส่งออก เคล็ดลับการปักหมุดตลาดเป้าหมายและค้นหารายชื่อผู้ซื้อในต่างประเทศตามประเภทสินค้า รวมถึงสิทธิพิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมงาน ได้แก่ กรมธรรม์ประกันการส่งออก EXIM for Small Biz วงเงินคุ้มครองสูงสุด 2 ล้านบาทกรณีไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ สนใจขอรับคำปรึกษาทางธุรกิจได้ที่ EXIM Contact Center โทร. 02-1699999
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี