เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 สมาคมธนาคารไทยออกแถลงการณ์ว่าสมาคมฯ ร่วมมือกับภาครัฐเตรียมออกมาตรการลดภาระชำระหนี้ ช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและธุรกิจขนาดเล็ก
ตามที่สมาคมธนาคารไทย ได้หารือร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยตระหนักถึงภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวช้าและไม่ทั่วถึง ทำให้รายได้ธุรกิจและครัวเรือนบางกลุ่มยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ อีกทั้งยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ภาวะการเงินของภาคครัวเรือนและผู้ประกอบการ SME เปราะบางขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อย ที่ยังมีหนี้สูงและประสบความยากลำบากในการชำระหนี้ทั้ง 4 หน่วยงานข้างต้นจึงเห็นร่วมกันในการที่ต้องเตรียมมาตรการช่วยเหลือเพื่อลดภาระทางการเงินเพิ่มเติมให้แก่ลูกหนี้
มาตรการเพิ่มเติมนี้มุ่งช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ทั้งสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อผู้ประกอบธุรกิจรายเล็ก ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่สูงและประสบปัญหาในการชำระหนี้ ให้สามารถประคองตัว รักษาสินทรัพย์สำคัญ ทั้งที่อยู่อาศัย ยานพาหนะ และสถานประกอบการไว้ ผ่านแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ที่จะช่วยลดภาระการผ่อนชำระต่องวดในช่วงที่เข้าร่วมมาตรการ โดยผ่อนชำระเฉพาะเงินต้นและพักชำระดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หากลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามหลักเกณฑ์จะได้รับยกเว้นสำหรับดอกเบี้ยที่พักแขวนไว้ ซึ่งจะเป็นการช่วยอย่างตรงจุดและเป็นรูปธรรม โดยจะมีแรงจูงใจให้ลูกหนี้รักษาวินัยในการผ่อนชำระ โดยระหว่างเข้าร่วมมาตรการ ลูกหนี้จะไม่สามารถก่อหนี้เพิ่มได้ช่วงเวลาหนึ่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดภาระหนี้ให้ได้อย่างแท้จริง และเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์จงใจผิดนัดชำระหนี้เพื่อใช้ประโยชน์จากมาตรการนี้
มาตรการครั้งนี้จะเป็นมาตรการชั่วคราว และครอบคลุมเฉพาะกลุ่มลูกหนี้ขนาดเล็กที่ตั้งใจจะลดหนี้และมีโอกาสที่จะกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติในระยะข้างหน้าเมื่อรายได้ฟื้นตัว คุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมาย เกณฑ์การเข้าร่วม และรายละเอียดของมาตรการ สมาคมธนาคารไทย กระทรวงการคลังและ ธปท.อยู่ระหว่างการดำเนินการจะประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป
นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่าตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้มีมติเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ และมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เป็นปัจจัยสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และหน่วยรับงบประมาณใช้เป็นแนวทางในการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี เงินงบประมาณ และงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่า 80% รายจ่ายประจำไม่น้อยกว่า 98% รายจ่ายภาพรวมไม่น้อยกว่า 94% และการใช้จ่ายงบประมาณ (ก่อหนี้) รายจ่ายลงทุน รายจ่ายประจำ และรายจ่ายภาพรวม 100%
ทั้งนี้ให้หัวหน้าหน่วยรับงบประมาณที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี กำกับดูแลบริหารจัดการเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของงบประมาณรายจ่ายลงทุน ปัญหาอุปสรรค และคาดการณ์การก่อหนี้และการเบิกจ่ายให้กรมบัญชีกลางภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป เพื่อรายงานคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ และเสนอครม.ต่อไป
ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานของรัฐในกำกับ เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยให้นำผลการเบิกจ่ายงบประมาณไปใช้ประกอบการพิจารณาในการประเมินผลการปฏิบัติราชการของหัวหน้าหน่วยงานเจ้าของงบประมาณ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี