นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ ให้ธนาคารออมสินดำเนิน “โครงการสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ” วงเงินรวมไม่เกิน 15,000 ล้านบาท สำหรับเสริมสภาพคล่องและบรรเทาหนี้สินประชาชนรายย่อย ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผู้มีรายได้ประจำ ลูกจ้าง พ่อค้า แม่ค้า หาบเร่ แผงลอย หรือผู้รับจ้างให้บริการต่างๆ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนเสริมสภาพคล่อง หรือนำไปชำระหนี้นอกระบบหรือหนี้ดอกเบี้ยสูงที่กู้ยืมมาประกอบอาชีพ โดยให้สินเชื่อไม่เกินรายละ 50,000 บาท ดอกเบี้ยคงที่ 0.75% ต่อเดือน ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 5 ปี ยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 ธ.ค. 2568 ซึ่งธนาคารออมสินไม่ขอรับงบประมาณชดเชยจากรัฐบาล โดยจะปรับลดกำไรบางส่วนแทน ซึ่งเป็นการให้สินเชื่อที่ผ่อนปรนมากกว่าสินเชื่อปกติ โดยกระทรวงการคลัง คาดว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวสามารถสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ ระบบเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนได้กว่า 300,000 ราย
ด้าน นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับต้นทุนการผลิตและระดับราคาสินค้าทั่วไปที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าครองชีพในการดำเนินชีวิตประจำวันและต้นทุนในการประกอบอาชีพของประชาชนปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ประสบกับปัญหาด้านสภาพคล่องและมีรายได้ไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ตามกำหนด ทั้งที่เป็นหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบจนเกิดเป็นปัญหาหนี้เรื้อรัง ดังนั้น เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขและบรรเทาลง กระทรวงการคลังจึงได้เสนอ เรื่อง การดำเนินโครงการสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพของธนาคารออมสิน เพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่องและบรรเทาภาระหนี้สินของประชาชนเป็นการเร่งด่วน อีกทั้งเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น
นายพรชัยกล่าวอีกว่า กระทรวงการคลังได้มีการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับผลตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี และยังคงมีผู้สนใจยื่นคำขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รองรับความต้องการมีที่อยู่อาศัยของประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางได้อย่างเพียงพอและเข้าถึงสินเชื่อภายใต้เงื่อนไขที่ผ่อนปรน รวมทั้งเป็นการสร้างวินัยทางการเงินให้กับประชาชน กระทรวงการคลังจึงได้เสนอมาตรการสินเชื่อซื้อ-ซ่อม-สร้าง ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแล้ว
ทั้งนี้ มีสาระสำคัญของมาตรการ ดังนี้ 1.มาตรการสินเชื่อซื้อ-สร้าง วงเงินมาตรการ 50,000 ล้านบาทโดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สนับสนุนสินเชื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ปลูกสร้างอาคารหรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร และเพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ยพิเศษคงที่ร้อยละ 3 ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี วงเงินต่อรายสูงสุดไม่เกิน 3,000,000 บาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 40 ปี โดยประชาชนที่สนใจเข้าร่วมมาตรการสามารถยื่นคำขอกู้กับ ธอส. ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่า ธอส. ให้สินเชื่อเต็มตามกรอบวงเงินของมาตรการ
2.มาตรการสินเชื่อซ่อม-แต่ง วงเงินมาตรการ 5,000 ล้านบาท โดย ธอส. สนับสนุนสินเชื่อให้แก่ลูกค้าเดิมที่ชำระเงินกู้มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี นับตั้งแต่วันทำสัญญาครั้งแรก มีการผ่อนชำระหนี้ดีสม่ำเสมอทุกเดือนไม่น้อยกว่า 1 ปี และมีวงเงินกู้ภายใต้หลักประกันเดิมสูงสุดไม่เกิน 5,000,000 บาท สามารถขอยื่นกู้สินเชื่อเพิ่มได้ เพื่อต่อเติมหรือซ่อมแซมอาคาร หรือเพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ยพิเศษคงที่ร้อยละ 1 ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี วงเงินต่อรายไม่เกิน 100,000 บาท
โดยประชาชนที่สนใจเข้าร่วมมาตรการสามารถยื่นคำขอกู้กับ ธอส. ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือจนกว่า ธอส. ให้สินเชื่อเต็มตามกรอบวงเงินของมาตรการ
นอกจากนี้ ยังมีสถาบันการเงินเฉพาะกิจแห่งอื่น ได้แก่ ธนาคารออมสิน ที่ดำเนินโครงการช่วยสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ 1) สินเชื่อบ้านออมสินสบายใจ วงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท เพื่อเป็นสินเชื่อสำหรับซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัย วงเงินต่อรายสูงสุดไม่เกิน 7,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีอยู่ที่ร้อยละ 2.89 ต่อปี และ2) สินเชื่อ Top Up สบายใจ สำหรับกู้เพิ่มเติมซื้อเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งบ้าน หรือสิ่งจำเป็นอื่นในการเข้าอยู่อาศัย วงเงินกู้ไม่เกินร้อยละ 10 ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี อยู่ที่ร้อยละ 3.49 ต่อปี โดยประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถยื่นคำขอกู้กับธนาคารออมสินได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 หรือจนกว่าธนาคารออมสินให้สินเชื่อเต็มตามกรอบวงเงินของโครงการ
“กระทรวงการคลังได้ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือและส่งเสริมให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสมกับศักยภาพของตนเอง รวมทั้งเสริมสร้างวินัยทางการเงินให้กับประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดภาระทางการเงินในอนาคต ตลอดจนการสร้างเสถียรภาพและการยกระดับภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยเข้มแข็งและมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างมั่งคง”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี