ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL (ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อ 7-11) รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ปี 2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยในไตรมาส 3 ปี 2567 มีรายได้รวม 241,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 6.6% มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ในไตรมาส 3 จำนวน 11,468 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิเท่ากับ 5,608 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ(หลังปรับปรุงรายการ)จำนวนเท่ากับ 6,190 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 44.1 สาเหตุหลักมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภค- บริโภคและศูนย์การค้า และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ตามการบริโภคภายในประเทศที่ยังมีการขยายตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงปลายไตรมาส รวมถึงการท่องเที่ยวในไตรมาสนี้ที่ยังคงปรับตัวดีขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้กลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยเสริมในการเติบโตของรายได้อีกทางหนึ่งด้วย ถึงแม้จะเผชิญกับฝนตกหนักในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2567 บริษัทฯและบริษัทย่อย มีรายได้รวมจำนวน 730,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ที่เติบโตขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ และรายงานกำไรสุทธิจำนวน 18,167 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ (หลังปรับปรับปรุงรายการ) จำนวนเท่ากับ 18,458 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 46.3% จากผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อและกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและศูนย์การค้าเป็นหลัก และกำไรต่อหุ้นตามงบการเงินรวมสำหรับงวด9 เดือนแรกของปี 2567 มีจำนวนเท่ากับ 1.98 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อในช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 ธุรกิจร้านสะดวกชื้อเปิดร้านสาขาใหม่รวมทั้งสิ้น 199 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทฯ มีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 15,053 สาขาแบ่งเป็น 1.ร้านสาขาบริษัท 7,671 สาขา (ประมาณ 51%) ร้านเปิดใหม่สุทธิ 125 สาขา ในไตรมาสนี้ 2.ร้าน SBP และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 7,382 สาขา (ประมาณ 49%) ร้านเปิดใหม่สุทธิ 74 สาขา ในไตรมาสนี้ และร้านสาขาส่วนใหญ่ยังเป็นร้านที่ตั้งเป็นเอกเทศซึ่งประมาณ 86% ของสาขาทั้งหมด และส่วนที่เหลือเป็นร้านในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.ขณะที่การลงทุนในปี 2567 ใช้เงินลงทุน 12,000-13,000 ล้านบาท ในนี้เป็นการเปิดสาขาใหม่3,800-4,000 ล้านบาท ปรับปรุงร้านเดิม 2,900- 3,500 ล้านบาท
ขณะที่จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 964 คน ซึ่งลูกค้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีอย่างต่อเนื่องทั้งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน โดยธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังคงใช้แผนกลยุทธ์ที่สอดรับกับสถานการณ์ตลอดเวลา โดยคำนึงถึงการรักษาฐานลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ โดยนำเสนอสินค้าใหม่ๆ พร้อมกับโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าในแต่ละช่วงเวลาประกอบกับความพยายามในการเพิ่มรายได้จากการขายสินค้า ผ่านกลยุทธ์ O20 อาทิ 7-Delivery และ All Online ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในภาวะปัจจุบันได้เป็นอย่างดี โดยมีสัดส่วนประมาณ 11%ของรายได้จากการขายสินค้ารวม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี