กรมการขนส่งทางบก ดำเนินมาตรการในการควบคุมกิจการขนส่งทางบกอย่างเคร่งครัด สำหรับรถโดยสารสาธารณะ เตือน!!! ผู้ประกอบการรถโดยสาร CNG ต้องนำรถเข้ามาตรวจสภาพให้แล้วเสร็จภายใน 30 พ.ย. 67 หากไม่นำมารถมาตรวจสภาพจะไม่สามารถนำรถไปใช้งานได้ โดยกรมการขนส่งทางบกจะออกหนังสือแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการฯให้เร่งนำรถเข้ามาตรวจสภาพภายใน 15 วัน หากยังฝ่าฝืนมีโทษถึงขั้นถอนรถออกจากใบอนุญาตประกอบการขนส่ง พร้อมแนะนำประชาชนตรวจสอบรถโดยสาร CNG ที่ผ่านการตรวจสภาพได้ที่เว็บไซต์ https://web.dlt.go.th/recall/web/ หรือสแกนผ่าน QR Code ที่สติ๊กเกอร์ผ่านการตรวจสภาพที่หน้ารถโดยสาร
ตามที่ คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางวางมาตรการในการควบคุมกิจการขนส่งทางบก สำหรับรถโดยสารสาธารณะ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการขนส่งและสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนผู้ใช้บริการ นั้น กรมการขนส่งทางบกได้ออกมาตรการเร่งด่วน โดยกำหนดจำนวนผู้ประจำรถในใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร และบูรณาการกับกระทรวงศึกษาธิการในการเลือกใช้รถโดยสารสาธารณะของสถานศึกษาต่าง ๆ โดยให้เจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบกตรวจสอบความพร้อมของรถ และแนะนำมาตรการด้านความปลอดภัยก่อนการเดินทางทุกครั้ง พร้อมบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลการตรวจและทดสอบรถใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงของกรมการขนส่งทางบกกับสถานีบริการเติมก๊าซของ ปตท. ผ่านระบบ QR code โดยระบบจะทำการตรวจสอบ “วันหมดอายุถังก๊าซ” และ “ปริมาณการเติมก๊าซ” ที่ต้องสัมพันธ์กับจำนวนถังที่ติดตั้งและได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก เพื่อป้องกันการลักลอบติดตั้งถัง CNG เกินกว่าที่ได้รับรองไว้ ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกออกประกาศกรมฯ เพื่อเรียกให้ผู้ประกอบการรถโดยสารที่ใช้ก๊าซ CNG ทั่วประเทศ ต้องนำรถเข้ามาตรวจสภาพรถ (Recall) ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 โดยตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. – 14 พ.ย. 67 ยังมีรถโดยสาร CNG ที่ยังไม่เข้ารับการตรวจสภาพอีก จำนวนทั้งสิ้น 5,925 คัน ไม่ผ่านการตรวจสภาพพร้อมพ่นข้อความห้ามใช้สะสมจำนวนทั้งสิ้น 59 คัน
กรมการขนส่งทางบกเตือน!!! ผู้ประกอบการรถโดยสาร CNG ห้ามนำรถที่ถูกพ่นห้ามใช้ไปรับส่งผู้โดยสารเด็ดขาด หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท พร้อมกำชับผู้ประกอบการ!!! ให้เร่งนำรถเข้ามาตรวจสภาพให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 หากฝ่าฝืนไม่นำรถมาตรวจสภาพจะมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท และไม่สามารถนำรถไปใช้งานได้ โดยกรมการขนส่งทางบกจะออกหนังสือแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการฯให้เร่งนำรถเข้ามาตรวจสภาพภายใน 15 วัน และหากยังไม่นำรถเข้ามาตรวจสภาพ เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนด คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางมีมติให้ถอนรถออกจากใบอนุญาตประกอบการขนส่งและให้ผู้ประกอบการนำป้ายทะเบียนรถมาคืน หากฝ่าฝืนนำรถที่ถูกถอนใบอนุญาตประกอบการขนส่งไปใช้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ประชาชนที่ต้องการเดินทางโดยใช้บริการรถโดยสาร CNG และเทศกาลปีใหม่ โปรดเลือกรถโดยสาร CNG ที่ผ่านการตรวสภาพโดยกรมการขนส่งทางบกอย่างถูกต้องเท่านั้น โดยสังเกตจากด้านหน้ารถโดยสารที่มีสติกเกอร์ผ่านการตรวจสภาพซึ่งออกให้โดยกรมการขนส่งทางบก ประชาชนสามารถสแกนผ่าน QR Code ที่สติ๊กเกอร์ดังกล่าวเพื่อตรวจสอบได้เลย หรือจะตรวจสอบผ่านทางเว็บไซต์ https://web.dlt.go.th/recall/web/ ก็ได้เช่นกัน ซึ่งมั่นใจได้ว่ารถโดยสารคันดังกล่าวได้มาตรฐานและมีความปลอดภัย
สำหรับมาตรการระยะยาวกรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยของโครงคัสซีรถโดยสาร และกำหนดอายุการใช้งานของรถโดยสารไม่ประจำทางให้เหมาะสม พร้อมจัดทำหลักสูตรอบรมพนักงานประจำรถ ด้านการเผชิญเหตุและการช่วยเหลือผู้โดยสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน (Crisis Management) ร่วมทั้ง ให้ผู้ประจำรถแนะนำการใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยบนตัวรถก่อนออกเดินทางทุกครั้ง โดยแก้ไขกฎกระทรวงว่าด้วยความปลอดภัย พ.ศ. 2558 ทั้งนี้ ขอเตือนประชาชน!! อย่าใช้บริการรถโดยสารที่มีข้อความพ่นข้อความ “ห้ามใช้” โดยสีตัวอักษรสีแดง อยู่ด้านหน้ารถเด็ดขาด หากพบเห็นให้สันนิษฐานไว้เลยว่ารถโดยสารคันดังกล่าวทำการฝ่าฝืนนำรถมาใช้ทั้งที่ไม่ผ่านตรวจสภาพรถจากกรมการขนส่งทางบก โดยหากพบเห็นสารมารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่ สายด่วนกรมการขนส่งทางบก 1584
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี