nn บมจ.ไทยออยล์...คากการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบรอบสัปดาห์นี้ (18-22 พ.ย. 2567)...โดยระบุว่าราคาน้ำมันดิบคาดการณ์ว่าจะยังคงเคลื่อนไหวในระดับต่ำเนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันโลกยังคงถูกกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ยังคงไม่ตรงที่คาดหวังอย่างต่อเนื่อง แม้รัฐบาลจีนจะมีมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ภายหลังอัตราเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มเป็นขาลงประกอบกับความไม่แน่นอนในสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางและจับตานโยบายการคว่ำบาตรอิหร่านที่อาจเข้มข้นมากขึ้นหลังการกลับมาของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์...ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 64-74 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล...ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 68-78 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล...
nn สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.)....ทำการสำรวจต้นทุนค่าไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนที่ผูกรวมอยู่ในค่าไฟฟ้างวดล่าสุดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2568 ที่จะถึงนี้....พบว่าจากมาตรการให้เงินสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนตามต้นทุนที่แท้จริง (FiT) และเงินส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ในอดีต ยังคงส่งผลต่อต้นทุนค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2567 คิดเป็น 16.47 สตางค์ต่อหน่วย หรือรวมเป็น 10,716 ล้านบาท ที่ประชาชนต้องจ่ายรวมในค่าไฟฟ้าด้วย...และต้นทุนค่าไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนงวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2568 ดังกล่าว สูงขึ้นกว่างวดปัจจุบันในเดือนก.ย.-ธ.ค. 2567 ที่มีต้นทุนค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 16.62 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็น 10,020 ล้านบาท...อย่างไรก็ตาม..กกพ.ยืนยันว่าต้นทุนค่าไฟฟ้าดังกล่าวไม่ได้มาจากการเปิดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟสแรกที่ผ่านมากว่า 4,800 เมกะวัตต์ในปี 2566 เนื่องจากภาครัฐได้กำหนดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวในอัตราที่ต่ำประมาณ 2 บาทต่อหน่วยเท่านั้น ขณะที่ผู้ใช้ไฟฟ้าจะเป็นกลุ่มเฉพาะที่ซื้อไฟฟ้าสีเขียวตามอัตราค่าไฟฟ้าสีเขียว (UGT) สำหรับกลุ่มโรงงาอุตสาหกรรมและผู้ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียว ซึ่งมีอัตราค่าไฟฟ้าที่สูงกว่าราคาทั่วไป และไม่ได้คิดรวมในค่าไฟฟ้าของประชาชนทั่วไป...นอกจากนี้การรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟส 1 และเฟส 2รวมทั้งสิ้นกว่า 7,000 เมกะวัตต์ นับเป็นปริมาณที่น้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณไฟฟ้าทั้งประเทศที่ 5.5 หมื่นเมกะวัตต์ จึงไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนสูงขึ้น แต่เกิดจากการรับซื้อไฟฟ้าในอดีตของระบบ Adder และ FiT โดยคาดว่าระบบ Adder จะหมดลงในปี 2570...สำหรับต้นทุนค่าไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนตลอดปี 2567 นี้คาดว่าจะอยู่ที่ 16.22 สตางค์ต่อหน่วย คิดเป็นเงินที่ประชาชนต้องร่วมกันจ่ายอยู่ที่ 31,801 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ที่มีต้นทุนอยู่ที่ 18.19 สตางค์ต่อหน่วย หรือ 35,457 ล้านบาทและเมื่อย้อนดูสถิตินับตั้งแต่มีการคิดค่าไฟฟ้าฐานปี 2558 จะพบว่าต้นทุนค่าไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนที่แพงที่สุด อยู่ที่ปี 2564 โดยมีต้นทุนค่าไฟฟ้าเฉลี่ย 30.87 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็นเงินรวม 54,065 ล้านบาท ที่ประชาชนต้องร่วมกันจ่ายรวมอยู่ในค่าไฟฟ้า...
nn บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ประกาศกลยุทธ์ใหม่ “Energy Symphonics”หรือ “เอเนอร์จี ซิมโฟนิกส์” ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ปี 2030...โดยมุ่งเน้นที่ 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่ ความมั่นคงทางพลังงาน คือ การจัดหาพลังงานที่เชื่อถือได้และต่อเนื่อง ความเสมอภาคด้านพลังงาน คือการจัดหาพลังงานที่มีราคาสมเหตุสมผล ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และความยั่งยืนด้านพลังงาน คือการจัดหาพลังงานที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม...ซึ่งกลยุทธ์ของบ้านปูเน้นรักษาสมดุลและตอบสามโจทย์ด้านพลังงาน (Energy Trilemma) ได้แก่ การส่งมอบพลังงานที่เชื่อถือได้และต่อเนื่อง (Energy Security) การจัดหาพลังงานที่มีราคาสมเหตุสมผลที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ (Energy Equity) และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการจัดหาพลังงาน (Energy Sustainability) โดยกลยุทธ์ใหม่มี 4 ภารกิจสำคัญ ดังนี้ 1.บรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 และการลดคาร์บอนตั้งเป้าหมายบรรลุ Net Zero ภายในปี 2050ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่น้อยกว่า 20%และลดสัดส่วน EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษี และค่าเสื่อมราคา) ที่มาจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับถ่านหินให้ต่ำกว่า 50% ภายในปี 20302.ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CarbonCapture, Utilization and Sequestration :CCUS) มุ่งเน้นการเติบโตด้วย “แนวทางสู่ความสำเร็จ” ที่ผสานธุรกิจก๊าซธรรมชาติระดับต้นน้ำ โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจ CCUS เพื่อส่งมอบโซลูชั่นก๊าซธรรมชาติคาร์บอนต่ำในสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง 3.ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง (Renewables+) เร่งขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และภูมิภาคอื่นๆ โดยลงทุนในระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS) ธุรกิจปลายน้ำที่เกี่ยวข้อง และธุรกิจคาร์บอนเครดิตเพื่อสร้างความต่อเนื่องให้กับพลังงานหมุนเวียนพร้อมทั้งเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ 4.พัฒนาธุรกิจเหมืองแร่ยุคใหม่ ดำเนินกลยุทธ์การทำเหมืองอัจฉริยะ โดยการผสานการใช้โซลูชั่นอัจฉริยะและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในกระบวนการทำเหมือง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงการลงทุนในแร่แห่งอนาคตที่สำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน...
nn
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 โดยมี รายได้รวม (totalrevenue) เท่ากับ 31,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น11% จากไตรมาส 3/2566 และมีกำไรจากการดำเนินงาน (core profit) เท่ากับ4,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จาก 4,203 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน...ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นมาจากการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติโดยโครงการกัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้กลุ่ม IPD กำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,650 เมกะวัตต์ เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์หน่วยผลิตที่ 2 และ 3ในเดือนตุลาคม 2566 และมีนาคม 2567 ตามลำดับ ส่งผลให้ในไตรมาส 3/2567 GULF รับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการ GPD หน่วยที่ 1-3 ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,987.5 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าหินกอง (HKP) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP กำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,540 เมกะวัตต์ ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์หน่วยผลิตที่ 1 ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ GULF รับรู้กำไรจากการดำเนินงานของโครงการ HKP หน่วยที่ 1ในไตรมาสนี้ อีกทั้ง GULF ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit ของโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson Generationในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 150 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2566เป็น 414 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2567ซึ่งเป็นผลมาจากการกลับรายการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (property tax) ค้างจ่ายที่บันทึกไว้สูงเกินไปสำหรับปี 2566 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 326 ล้านบาท...nn
กระบองเพชร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี