นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริงหรือ CIVIL เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 บริษัทมุ่งเน้นการรับรู้รายได้ในการส่งมอบงานโครงการก่อสร้างตามแผนที่กำหนดไว้ โดยคาดว่าจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับ 6-10% ซึ่งผ่านมาบริษัทได้พัฒนาประสิทธิภาพงานและการใช้เทคโนโลยีเพื่อการบริหารงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มขีดจำกัดในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานภายในโครงการ เพื่อรองรับการผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้าง และ พลังงานจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ บริษัทมีการวางกลยุทธ์กระจายรายได้ในกลุ่มโครงการก่อสร้างขนาดกลางและขนาดเล็กที่สามารถสร้างรับรู้รายได้อย่างรวดเร็ว และ ลดความเสี่ยงจากความผันผวนด้านราคาวัสดุก่อสร้าง เพื่อมุ่งเน้นการเพิ่มความสามารถในการบริหารอัตรากำไรที่ดีขึ้น รวมถึงการมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่จะเสริมสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต
บริษัทยังคงเดินหน้าเข้ารับงานที่หลากหลาย สอดคล้องกับแนวโน้มภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างที่เริ่มฟื้นตัว จากการเร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐ และความต้องการก่อสร้างในภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 3/2567 บริษัทประมูลงานก่อสร้างสำเร็จและลงนามสัญญาในโครงการกลุ่มงานทาง และโครงการอื่นๆ มูลค่ารวม 249 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันมีงานโครงการก่อสร้างในมือ
(Backlog) มูลค่ารวม 28,400 ล้านบาท ถือเป็นสถิติโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท ขณะเดียวกัน มีการเตรียมความพร้อมที่จะเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง, รถไฟทางคู่, งานสนามบิน, งานทาง และ โครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) เพื่อสร้างการเติบโตของ Backlog อย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลประกอบการช่วงไตรมาส 3/2567 บริษัทมีรายได้ 1,389 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 1,312 ล้านบาท จำนวน 77 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6% และ มีกำไรสุทธิ 42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ6 ล้านบาท จำนวน 36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น612% รวมงวด 9 เดือน ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 3,696 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,929 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ 88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 67 ล้านบาท จำนวน 21 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31% จากการรับรู้รายได้ในการส่งมอบโครงการก่อสร้าง และ ค่า K ที่รับรู้เพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทสามารถบริหารอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับที่ 9.4% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 7.8%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี