นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียนครั้งที่ 30 และการประชุมกับประเทศคู่เจรจา การประชุมฯ ระหว่างวันที่ 21-22 พฤศจิกายน 2567 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ที่ผ่านมา

การประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 30 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยการประชุมรัฐมนตรีขนส่งระหว่างอาเซียน-จีน ครั้งที่ 23การประชุมรัฐมนตรีขนส่งระหว่างอาเซียน- ญี่ปุ่น ครั้งที่ 22 และการประชุมรัฐมนตรีขนส่งระหว่างอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีครั้งที่ 15 โดยมี H.E. Mr.Loke Siew Fook รมว.คมนาคมของมาเลเซียทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าความร่วมมือด้านการขนส่งตามแผนยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งของอาเซียน ปี 2559-2568 และความคืบหน้าของการยกร่างแผนงานรายสาขาการขนส่งฉบับใหม่ปี 2026-2030และข้อเสนอแนะจากที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการขนส่งเกี่ยวกับงานที่สำคัญที่จะดำเนินการในสาขาการขนส่ง ประจำปี 2568

ทั้งนี้ ที่ประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียนได้ร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์สำคัญ ได้แก่ แนวทางอาเซียนด้านยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก แนวทางอาเซียนด้านการขนส่งสินค้าในเมือง แนวทางอาเซียนด้านการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชนของท่าเรือแนวทางอาเซียนด้านดิจิทัลและระบบอัตโนมัติของท่าเรือ และแถลงการณ์ร่วมกัวลาลัมเปอร์ 2024 ระดับรัฐมนตรีขนส่งอาเซียนว่าด้วยความปลอดภัยทางถนน

นอกจากนี้ ยังได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับรัฐมนตรีขนส่งของประเทศสมาชิกอาเซียนและเน้นย้ำเจตนารมณ์ที่จะส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนอย่างครอบคลุม โดยได้ร่วมรับรองและลงนามพิธีสาร 5 ว่าด้วยสิทธิรับขนการจราจรพักค้างของตนระหว่างจุดใดๆ ในอาณาเขตของรัฐสมาชิกอื่นภายใต้ความตกลงพหุภาคีอาเซียนว่าด้วยการเปิดเสรีอย่างเต็มที่ของบริการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการบินเชื่อมแหล่งท่องเที่ยว
ในเมืองรองของประเทศอาเซียนและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและกระจายรายได้สู่ชุมชน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยวในเมืองรอง

นอกจากนี้ ในระหว่างการประชุม รมว.คมนาคมได้พบปะสนทนากับ H.E Mr.Loke Siew Fook รมว.คมนาคมของมาเลเซีย และได้กล่าวเชิญเยือนประเทศไทยเพื่อกระชับความสัมพันธ์
ด้านคมนาคมขนส่ง และแนวทางการส่งเสริมการเชื่อมโยงไทย-มาเลเซีย เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้าเพื่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศต่อไป