nn บมจ.ไทยออยล์...คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบรอบสัปดาห์นี้ (25 - 29 พ.ย. 2567)....โดยระบุว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่มเล็กน้อย เนื่องจากสถานการณ์ในยุโรปตะวันออกระหว่างยูเครน และรัสเซียยังคงร้อนแรงขณะที่กองทัพไนจีเรียสังหารผู้ก่อการร้ายของกลุ่ม Boko Haram ระหว่างปฏิบัติภารกิจตรวจสอบโครงข่ายไฟฟ้าในประเทศ สร้างความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบไนจีเรีย อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบจะยังคงถูกกดดัน จากตลาดยังคงผิดหวังกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน ที่ยังคงไม่ชัดเจน ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคของยุโรปเดือน ต.ค. 2567 ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ธนาคารกลางยุโรปอาจดำเนินมาตรการปรับลดดอกเบี้ยด้วยความระมัดระวังมากขึ้น และสต๊อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน...ไทยออยล์...คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 66-76 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล...ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 70-80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล...
nn นักวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน กลุ่ม ปตท. (PRISM) และกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ร่วมกันจัดเสวนาในงาน “2024 The Annual PetroleumOutlook Forum” ครั้งที่ 13 โดย PRISM ได้บรรยายทิศทางน้ำมันในปี 2568 โดยใจความสำคัญระบุว่า ในปี 2568 ตลาดน้ำมันจะเกิดความผันผวนมาก จากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์, ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นหลังผ่านพ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดี, มาตรการกีดกันทางการค้ากับจีน และมาตรการค่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่ออิหร่านที่จะเข้มข้นขึ้น ดังนั้น PRISM คาดว่าราคาน้ำมันโลกในปี 2568 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 70-80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล...โดยความต้องการใช้น้ำมันของโลกในปี 2568จะอยู่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันขณะที่กำลังการผลิตจะมีสูงมากประมาณ 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งมาจากผู้ผลิตนอกกลุ่มประเทศโอเปก ที่มีกำลังการผลิตรวม 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน และจากประเทศกลุ่มโอเปกพลัสที่พยายามจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2568 ดังนั้นกำลังการผลิตที่มีมากกว่าความต้องการใช้น้ำมันถึง 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน อาจส่งผลให้เกิดปริมาณการผลิตน้ำมันล้นตลาด ซึ่งทาง PRISM เห็นว่า กลุ่มประเทศโอเปกพลัสควรจับตาตลาดน้ำมันอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งทบทวนนโยบายการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันให้สอดคล้องกับตลาด เพื่อรักษาสมดุลราคาน้ำมันโลกต่อไป...ด้าน ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวว่า ปตท. ยังต้องปรับตัวสู่พลังงานสะอาดมากขึ้น ซึ่งในอีก 20-30 ปีข้างหน้า ก๊าซธรรมชาติยังมีความสำคัญต่อประเทศไทยและยังเป็นพลังงานสะอาดที่จะนำมาใช้ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ควบคู่กับพลังงานสะอาดใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นทั้งไฮโดรเจน, ระบบการกักและเก็บคาร์บอน ( CCS) และพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยด้านพลังงานอื่นๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในอนาคตที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดด้วย...
nn การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)...ร่วมเป็นคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมในกิจกรรมคู่ขนานของการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 29 (COP 29) ณ กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน...ในการนี้ ศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล กรรมการ กฟผ. ร่วมเสวนาในหัวข้อ “การเปลี่ยนผ่านภาคพลังงานมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน” (Energy Transition towards Carbon Neutrality)ชูกลยุทธ์ Triple S ได้แก่ SourcesTransformation เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ปรับปรุงโรงไฟฟ้าและระบบไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ SinkCo-creation เพิ่มแหล่งดูดซับกักเก็บคาร์บอน และ Support Measures Mechanismส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับพัฒนาโครงการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมสู่การสร้างคุณค่าร่วม Creating Shared Value (CSV) ให้กับสังคม ชุมชนรอบเขื่อนและโรงไฟฟ้าอย่างยั่งยืน ด้วยโครงการนำร่อง “แม่เมาะเมืองน่าอยู่” เพื่อพัฒนาให้พื้นที่อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง เป็นเมืองเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ด้วย 3 แนวคิด คือ Smart Energy, Smart Environment และ Smart Economy รวมถึงเตรียมขยายผลไปยังพื้นที่เขื่อนรัชชประภา และโรงไฟฟ้ากระบี่....พร้อมด้วย นายชัชวาล วงศ์มหาดเล็ก และนายชาคริต เย็นที่ จากฝ่ายบริหารและก่อสร้างโรงไฟฟ้า กฟผ. ร่วมนำเสนอผลงานในหัวข้อ “From Waste to Solutions: Compostable Packagingand Biomass Products for a Cleaner Environment” โดยนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาแปรรูปเป็นชีวมวลอัดแผ่น ซึ่งมีคุณสมบัติลดเสียงและความร้อน อีกทั้งยังลดการเผาวัสดุทางการเกษตรที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของปัญหา PM2.5 และภาวะโลกร้อน เพื่อช่วยขับเคลื่อนและสนับสนุนให้ประเทศไทยบรรลุตามเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ...
nn บริษัทราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทเอไอเอฟ กรุ๊ป จำกัด บริษัท โรนิตรอน จำกัด...ได้ร่วมลงนาม ลงนามบันทึกความร่วมมือศึกษาและแสวงหาโอกาสในการพัฒนาโครงการกรีนไฮโดรเจนและกรีนแอมโมเนียจากพลังงานหมุนเวียนใน สปป.ลาว เพื่อรองรับความต้องการพลังงานสะอาดของภาคอุตสาหกรรม ภาคขนส่งและการผลิตไฟฟ้าในอนาคต...ราช กรุ๊ป ที่เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าในโครงการขนาดใหญ่และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนโดยมีฐานการผลิตในประเทศไทย สปป.ลาว ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ส่วนเอไอเอฟ กรุ๊ป เป็นกลุ่มธุรกิจชั้นนำของ สปป.ลาวซึ่งมีฐานธุรกิจที่มั่นคงและลงทุนในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ทั้งภาคการเงิน พลังงานและสาธารณูปโภค โลจิสติกส์ ฯลฯ และโรนิตรอน มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยี การจำหน่ายและการจัดการโลจิสติกส์ด้านเชื้อเพลิงสะอาด ความร่วมมือของทั้ง 3 ฝ่ายในครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างธุรกิจกรีนไฮโดรเจนและกรีนแอมโมเนีย ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงแห่งอนาคตที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน และเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ในการสร้างมูลค่าและคุณค่าในระยะยาวต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมในอนาคต...nn
กระบองเพชร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี