นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการฯ(บอร์ดกอน.)เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งมีนายณัฐพลรังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบกำหนดวันเปิดหีบอ้อยผลิตน้ำตาลทราย ฤดูกาลผลิตปี2567/68 ของ 58 โรงงานน้ำตาลทั่วประเทศ เป็นรายภาค โดยเริ่มภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นที่แรก คือ วันที่ 6 ธันวาคม 2567 ภาคเหนือและภาคกลาง เปิดหีบอ้อยวันที่ 15 ธันวาคม 2567 ยกเว้น 4 จังหวัด คือ กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี และประจวบคีรีขันธ์ เปิดหีบอ้อยวันที่ 2 มกราคม 2568 และ สอน. ได้คาดการณ์ปริมาณอ้อยเข้าหีบ จำนวน 93.17 ล้านตันเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13.40% เนื่องจากปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้นและราคาอ้อยที่เกษตรกรได้รับในปีที่ผ่านมาค่อนข้างสูง เกิดแรงจูงใจให้เกษตรกรหันมาปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น

โดยถือเป็นครั้งแรกที่บอร์ด กอน. ได้เห็นชอบให้เปิดหีบอ้อยเป็นรายภาคต่างจากปีที่ผ่านๆ มา ที่กำหนดวันเปิดหีบอ้อยเป็นวันเดียวกันทั่วประเทศ ซึ่งการเปิดหีบอ้อยเป็นรายภาคได้พิจารณาจากความพร้อมของโรงงานน้ำตาลในการรับอ้อยเข้าหีบ ความพร้อมของเกษตรกรในการตัดอ้อยและบริหารจัดการส่งอ้อยเข้าโรงงาน รวมถึงความพร้อมของอ้อยซึ่งต้องมีอายุและระดับคุณภาพที่เหมาะสมสำหรับนำเข้าหีบ เพื่อได้ให้ผลผลิตน้ำตาลสูงสุด และยังดูพร้อมอื่นๆ อีก เช่น ปริมาณน้ำฝนพื้นที่ ความชื้นที่ตกค้างในดิน เพื่อที่เกษตรกรจะสามารถนำรถตัดอ้อยเข้าเก็บเกี่ยวอ้อยได้

นอกจากนี้บอร์ด กอน. ยังมีมติเห็นชอบ 2 ประเด็นสำคัญ ดังนี้ ประเด็นแรก กำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูกาลผลิตปี 2566/67 เฉลี่ยทั่วประเทศ ที่ราคา 1,404.17 บาท/ตัน ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. ลดลง 15.83 บาท จากราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูกาลผลิตปี 2566/67 ที่ราคา 1,420 บาท กำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อย 84.25 บาท/ตัน ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย 601.79บาท/ตัน ประเด็นที่สอง กำหนดราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูกาลผลิตปี 2567/68 ราคาเดียวทั่วประเทศ ที่ 1,160 บาท/ตัน ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. กำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อย66 บาท/ตัน ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย 471.43 บาท/ตัน

“หลังจากบอร์ด กอน. กำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูกาลผลิตปี 2566/67 และราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูกาลผลิตปี 2567/68 ขณะนี้ กอน. ได้เร่งดำเนินการเพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบก่อนเปิดหีบอ้อย เกษตรกรจะได้มีเงินสำหรับไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเพาะปลูก การบำรุงรักษาอ้อย และดำรงชีพ
ต่อไป”นายใบน้อยกล่าว