'รมว.พาณิชย์'ถกสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เตรียมตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ แก้ไขปัญหากรณีขนส่งศูนย์เหรียญ และนอมินี สร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจโลจิสติกส์ไทย
เมื่อวันที่ 28 พ.ย.2567 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ดร.ทองอยู่คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยสมาชิกและที่ปรึกษาสหพันธ์ ได้เข้าพบตนที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อหารือนโยบายเกี่ยวกับการสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจโลจิสติกส์ไทย รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีขนส่งศูนย์เหรียญจีน โอกาสนี้ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมด้วย
นายพิชัย กล่าวว่า รัฐบาล โดยท่านนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างเร่งด่วน ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินการเชิงรุกในการติดตามและเร่งรัดมาตรการในการแก้ไขปัญหาให้ผู้ประกอบการในประเทศ โดยที่ประชุมได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) เพื่อกำหนดแนวทางการกำกับดูแลและป้องปราม รวมถึงสืบสวน สอบสวนหรือตรวจสอบพฤติกรรมของบุคคลและนิติบุคคลที่อาจมีพฤติกรรมเป็นนอมินี โดยเร็วและเป็นรูปธรรมซึ่งคณะอนุกรรมการฯ มีผู้แทนจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมการจัดหางาน กรมการท่องเที่ยว กรมที่ดิน และกรมสรรพากร ร่วมแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง โปร่งใส เพราะถือว่านอมินีทำลายธุรกิจ และเศรษฐกิจไทย
ซึ่งในส่วนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดแผนมาตรการสำหรับการตรวจสอบธุรกิจที่มีความเสี่ยงจะเป็นนอมินีอย่างเข้มงวดและเป็นรูปธรรม กำหนดพื้นที่กลุ่มเสี่ยง แนวทางการตรวจสอบ และแผนการตรวจสอบ โดยในระยะเร่งด่วน กรมได้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจและคัดกรองข้อมูลนิติบุคคล ซึ่งเน้นธุรกิจที่เกี่ยวกับการขนส่ง (โลจิสติกส์) แพลตฟอร์มออนไลน์ การให้เช่าโกดังสินค้าที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและมีคนสัญชาติจีนร่วมถือหุ้นกับคนไทย ซึ่งกรมเริ่มดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบตามมาตรการดังกล่าวตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 โดยมีหนังสือให้ธุรกิจที่มีความเสี่ยงจะเป็นนอมินีในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (15 เขต) อาทิ เขตสัมพันธวงศ์ คลองสาน สาทร บางรัก ห้วยขวาง คลองเตย เป็นต้น ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจและการลงทุน
และระยะที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้หารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย โดยสหพันธ์ฯ ได้มีหนังสือแจ้งประเด็นปัญหาและข้อหารือในระบบโลจิสติกส์ พร้อมนำส่งสรุปประเด็นการจดทะเบียน “นอมินี” ของทุนจีน และแจ้งข้อมูลรายชื่อบริษัทกลุ่มทุนจีน ซึ่งเป็นนิติบุคคลต้องสงสัยเป็น “นอมินี” เพื่อให้กรมฯดำเนินการตรวจสอบ จากนี้ กรมฯจะได้เพิ่มการตรวจสอบในธุรกิจ e-commerce การขนส่ง และคลังสินค้า ที่คาดว่านักธุรกิจชาวต่างชาติจะมีการใช้นอมินีในการประกอบธุรกิจ จากเดิมที่เน้นธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและรีสอร์ท โดยจากการคัดกรองธุรกิจที่มีคนต่างด้าวร่วมถือหุ้นกับคนไทยทั่วประเทศ
“ตามที่ตนได้มอบหมายให้ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) ล่าสุดได้มีการจัดประชุมฯ ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา ร่วมกับ 10 หน่วยงาน สรุปแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) เป็นแผน 3 ระยะ บูรณาการการทำงานร่วมกันของคณะอนุกรรมการฯ อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะมีการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีประสิทธิภาพและมีผลการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม ที่สำคัญจะทำให้ประชาชนและนักลงทุนไทยเกิดความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจและไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้กระทำผิดอีกด้วย” รมว.พาณิชย์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี