‘ครม.สัญจร’เคาะมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว-ข้าวโพด ปี 67/68 กว่า 9,900 ล้านบาท
1 ธ.ค.2567 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุม ครม. สัญจรที่เชียงใหม่ ที่มี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้อนุมัติมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มาตรการเพิ่มช่องทางการตลาด ปี 67/68 ซึ่งจะส่งผลให้ราคาผลผลิตที่เกษตรกรขายได้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งมาตรการเพิ่มผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้มีเพียงพอต่อความต้องการ รวมงบประมาณทั้งสิ้น กว่า 9,924 ล้านบาท จำแนกเป็น ข้าวเปลือก 3 มาตรการ วงเงิน 9,604 ล้านบาท และข้าวโพด 5 มาตรการ 320 ล้านบาท ดังนี้
#ข้าวเปลือก 3 มาตรการ เพื่อดูดซับข้าวเปลือกในช่วงที่ข้าวออกมาจำนวนมาก เป้าหมาย 8.50 ล้านตัน ประกอบด้วย
(1) สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี เป้าหมาย 3 ล้านตัน วงเงิน 8,362.76 ล้านบาท โดยช่วยค่าฝาก 1,500 บาท/ตัน ในกรณีเข้าร่วมกับสหกรณ์ สหกรณ์รับ 1,000 บาท/ตัน เกษตรกรรับ 500 บาท/ตัน เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง 1–5 เดือน เริ่มตั้งแต่ ครม. มีมติ - 28 ก.พ.2568 และเกษตรกรสามารถนำข้าวไปขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยข้าวหอมมะลิตันละ 12,500 บาท ปรับเพิ่มจากปีก่อนที่ตันละ 12,000 บาท (+500 บาท/ตัน) ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 11,000 ล้านบาท ปรับเพิ่มจากปีก่อนที่ตันละ 10,500 บาท (+500 บาท/ตัน) ข้าวหอมปทุมธานี ตันละ 10,000 บาท ข้าวเจ้า ตันละ 9,000 บาท และข้าวเหนียว ตันละ 10,000 บาท หากข้าวราคาขึ้น เกษตรกรสามารถไปไถ่ถอนออกมา เพื่อนำมาจำหน่ายได้
(2) สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน ปรับเพิ่มจากปีก่อนที่เป้าหมาย 1 ล้านตัน (+0.5 ล้านตัน) วงเงิน 656.25 ล้านบาท โดยสหกรณ์จ่าย ดอกเบี้ย 1% รัฐช่วยดอกเบี้ย 3.5% ระยะเวลา 15 เดือน ระยะเวลาการจ่ายสินเชื่อตั้งแต่ ครม. มีมติ -30 ก.ย.2568
(3) ชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการเก็บสต๊อก เป้าหมาย 4 ล้านตัน วงเงิน 585 ล้านบาท โดยรัฐช่วยดอกเบี้ย 3% เก็บสต๊อก 2–6 เดือน ระยะเวลารับซื้อตั้งแต่ ครม. มีมติ - 31 มี.ค.2568
นายพิชัย กล่าวอีกว่า มติคณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 67/68 เพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องของสถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกร รวมถึงรักษาเสถียรภาพราคาในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ซึ่งจะส่งผลให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เกษตรกรขายได้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และมาตรการส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อให้เกษตรกรมีเงินทุนในการพัฒนาการผลิตของตนเองโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และลดต้นทุนการผลิตรวม 5 โครงการ ประกอบด้วย
(1) สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร เป้าหมาย 0.1 ล้านตัน วงเงิน 35 ล้านบาท โดยสหกรณ์จ่าย ดอกเบี้ย 1% รัฐช่วยดอกเบี้ย 3.5% ระยะเวลา 12 เดือน ระยะเวลาการจ่ายสินเชื่อตั้งแต่ ครม. มีมติ -31 พ.ค.2568
(2) ชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการเก็บสต๊อก เป้าหมาย 0.2 ล้านตัน วงเงิน 26.67 ล้านบาท โดยรัฐช่วยดอกเบี้ย 3% เก็บสต๊อก 2–4 เดือน ระยะเวลารับซื้อตั้งแต่ ครม. มีมติ - 31 ม.ค. 2568
(3) โครงการเพิ่มช่องทางการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 67/68 วงเงิน 51.50 ล้านบาท
(4) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 67 – 68 วงเงิน 138 ล้านบาท โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่เกษตรกรนำไปใช้เป็นเงินทุนในการเพิ่มผลิตภาพการผลิตและคุณภาพ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อาทิ ระบบน้ำหยด วงเงินรายละไม่เกิน 230,000 บาท เป้าหมาย 10,000 ราย รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ย 3% ต่อปี
(5) โครงการส่งเสริมพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ประเทศไทย (ปีที่ 1) วงเงิน 69.54 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก เพิ่มคุณภาพผลผลิตและลดต้นทุนการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยจะดำเนินการในพื้นที่เพาะปลูก 32 จังหวัด
“รัฐบาลนำโดยท่านนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการดูแลราคาสินค้าเกษตรทุกตัวให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทรวงพาณิชย์ก็จะเร่งดำเนินมาตรการต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา รวมทั้งการพัฒนาประสิทธิภาพการเพาะปลูก เพิ่มคุณภาพผลผลิตและลดต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตร เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน” นายพิชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี