นายวรสิทธิ์ สิทธิวิชัย ประธานคณะผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ ธุรกิจพืชครบวงจร เขตประเทศเมียนมา เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันเจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส หรือ CPP ได้ขับเคลื่อนระบบตรวจสอบย้อนกลับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ร่วมกับคู่ค้า พ่อค้าผู้รวบรวม และเกษตรกร ในประเทศเมียนมา โดยจะเป็นการตรวจสอบย้อนกลับ 100% ทั้งเมล็ดพันธุ์และข้าวโพดอาหารสัตว์ ซึ่งปัจจุบันซีพีทั้ง CPP ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจเมล็ดพันธุ์และ BKP ผู้ดำเนินธุรกิจจัดซื้อข้าวโพดอาหารสัตว์ได้ร่วมกันใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับเชื่อมโยงเป็นระบบเดียวกัน โดยเริ่มดำเนินการแล้วในพื้นที่รัฐฉานตอนใต้บนเนื้อกว่า 570,000 เอเคอร์
ทั้งนี้ระบบตรวจสอบย้อนกลับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นี้ใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมตรวจสอบพื้นที่ป่า และติดตามจุดความร้อน เพื่อป้องกันการเผาแปลง โดยประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญ 6 ขั้นตอน ได้แก่ การขึ้นทะเบียนคู่ค้าและการวาดขอบเขตแปลงเพาะปลูก, การระบุพิกัดของพื้นที่เพาะปลูกโดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียม, การตรวจสอบแนวป่าเพื่อรับรองพื้นที่เพาะปลูก, การติดตามจุดความร้อนในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม, การตรวจสอบพื้นที่ที่มีการเผาแปลง และการยืนยันพื้นที่สุทธิและการเก็บข้อมูลการผลิต ทุกขั้นตอนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการบุกรุกป่าและการเผาแปลง
สำหรับขั้นตอนแรกคือ การขึ้นทะเบียนคู่ค้าและการวาดขอบเขตแปลงเพาะปลูก จะมีการลงทะเบียนคู่ค้าที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงเกษตรกรและผู้รวบรวมข้าวโพด จากนั้นจะมีการวาดแผนที่ขอบเขตแปลงเพาะปลูกของเกษตรกรแต่ละราย โดยระบุพิกัดและข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อให้ทุกแปลงมีข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นมาตรฐานเดียวกันต่อมาเป็น ขั้นตอนที่ 2 การระบุพิกัดของพื้นที่เพาะปลูกโดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียม ขั้นตอนนี้มีการนำเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมเข้ามาใช้ในการยืนยันพื้นที่การเพาะปลูกและติดตามการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ขั้นตอนที่ 3 การตรวจสอบแนวป่า โดยตรวจสอบพื้นที่ป่าไม้ย้อนหลังถึงปี 2020 สอดคล้องกับกฎระเบียบของสหภาพยุโรปว่าด้วยการป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า (EUDR) จะตรวจสอบและหักพื้นที่ป่าที่ไม่สามารถเพาะปลูกได้ตาม เพื่อรับรองว่าการเพาะปลูกไม่ได้เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าที่เป็นแนวป่าดั้งเดิม
ส่วนขั้นตอนที่ 4 ติดตามจุดความร้อนในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม ระบบตรวจสอบย้อนกลับจะมีการติดตามและบันทึกจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้แปลงเพาะปลูก โดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีอัตราการเกิดไฟไหม้สูงที่สุด ข้อมูลนี้จะช่วยป้องกันการเผาแปลง โดย 1 จุดความร้อนเท่ากับพื้นที่ 15.4 ไร่ขั้นตอนที่ 5 การตรวจสอบพื้นที่ที่เผาแปลงเพาะปลูก ระบบจะทำการคำนวณและหักพื้นที่ที่ถูกเผาแปลงออกจากพื้นที่การเพาะปลูกทั้งหมด โดยคำนวณจากจำนวนจุดความร้อนที่ตรวจพบในพื้นที่นั้นๆ ขั้นตอนนี้เป็นการยืนยันว่าข้าวโพดที่จัดหามานั้นมาจากพื้นที่ที่ปลอดจากการเผา และขั้นตอนที่ 6 การยืนยันพื้นที่สุทธิและการเก็บข้อมูลการผลิต หลังจากหักพื้นที่ป่าและพื้นที่เผาแปลงเพาะปลูกออกแล้ว จะได้พื้นที่สุทธิที่เหมาะสมสำหรับการเพาะปลูกข้าวโพด ระบบนี้จะบันทึกข้อมูลการผลิตทั้งหมดตั้งแต่การเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว จนถึงการส่งออกเพื่อให้สามารถตรวจสอบที่มาของข้าวโพดได้อย่างชัดเจน
“การนำร่องในรัฐฉานตอนใต้ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดกว่า 570,000 เอเคอร์ จะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของเมียนมา ระบบตรวจสอบย้อนกลับนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อในตลาดทั้งในและต่างประเทศ แต่ยังลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและเสริมสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรม และขั้นตอนทั้งหกขั้นตอนนี้ได้รับการพัฒนาโดยอาศัยเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมและระบบบล็อกเชนเพื่อให้มั่นใจว่าการเพาะปลูกข้าวโพดในเมียนมามีความโปร่งใสและเป็นไปตามมาตรฐานที่ยั่งยืน”นายวรสิทธิ์ กล่าว
อนึ่ง รัฐฉาน ตั้งอยู่ในประเทศเมียนมา ตั้งอยู่ในพื้นที่ราบสูง มีพรมแดนติดกับประเทศจีน ลาว และไทย โดยมีจังหวัดในไทยที่อยู่ใกล้เคียง ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน มีพื้นที่ทั้งหมด104.2 ล้านไร่ โดยสัดส่วนการใช้ที่ดินส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่าไม้ถึง 74.8% รองลงมาคือทุ่งหญ้า 15.5% และพื้นที่เกษตรกรรม 7.8% พื้นที่เกษตรกรรมของรัฐฉาน ประกอบด้วย นาข้าวมากที่สุด คิดเป็น 35% ของพื้นที่เกษตรกรรมทั้งหมด ตามด้วยข้าวโพด 22% พืชตระกูลถั่ว 11% และผัก 5% ส่วนที่เหลือเป็นพืชอื่นๆ เช่น ยางพารา ถั่วลิสง งา และอ้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี