ครม.ไฟเขียว‘ร่างพ.ร.บ.ตั๋วร่วม’ เชื่อมโยงระบบการเก็บค่าโดยสาร ปูทางรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
3 ธันวาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ...ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วมเพื่อเป็นมาตรฐานกลาง สำหรับการให้บริการระบบตั๋วร่วมในอนาคต และสำหรับผู้ให้บริการในปัจจุบันที่จะเข้าสู่ระบบตั๋วร่วม กำหนดอัตราค่าโดยสารร่วม การจัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม เพื่อสนับสนุนประชาชน รวมถึงสนับสนุนผู้รับใบอนุญาตที่เข้าร่วมระบบตั๋วร่วม กำหนดผู้ประกอบการที่จะมีสิทธิขอรับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม และในกรณีมีความจำเป็นให้ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้การประกอบกิจการขนส่งสาธารณะใดเป็นกิจการที่ต้องใช้ระบบตั๋วร่วม และรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ สรุปได้ ดังนี้
กำหนดบทนิยาม ร่างมาตรา 3
- “ตั๋วร่วม” หมายความว่า รูปแบบการชำระค่าโดยสาร ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการในการขนส่ง สาธารณะทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้มาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วม ไม่ว่าด้วยการใช้บัตรหรือสิ่งอื่นใดแทนการใช้บัตรก็ตาม
- “ระบบตั๋วร่วม” หมายความว่า ระบบชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับค่าโดยสารค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการ ในการขนส่งสาธารณะ ซึ่งใช้มาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วม
- “ขนส่งสาธารณะ” หมายความว่า การขนส่งผู้โดยสารโดยระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งรูปแบบทางถนน รูปแบบทางราง หรือรูปแบบทางน้ำ
หมวด 2 การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม (ร่างมาตรา 14 – 23 )
การประกอบกิจการระบบตั๋วร่วม
กำหนดให้ผู้ใดประสงค์จะประกอบกิจการระบบตั๋วร่วมตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายตั๋วร่วม (คนต.) ทั้งนี้ โดยการขอรับใบอนุญาตเป็นโดยความสมัครใจของผู้ประกอบการ หากผู้ประกอบการรายใดไม่ขอรับใบอนุญาต จะมีผลทำให้ไม่มีสิทธิได้รับการสนับสนุนเงินกองทุน แต่จะไม่มีโทษ ทั้งนี้ ใบอนุญาตประกอบกิจการระบบตั๋วร่วมแบ่งเป็น 3 ประเภท และมีอายุไม่เกิน 10 ปี ได้แก่
(1) การให้บริการศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง
(2) การให้บริการออกตั๋วร่วม
(3) การให้บริการระบบตั๋วร่วม
- กำหนดให้ในกรณีจำเป็น เพื่อรักษาการให้บริการระบบตั๋วร่วม หรือเพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างระบบตั๋วร่วม หรือเพื่อป้องกันความเสียหายต่อสาธารณชน ให้มีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้การประกอบกิจการขนส่งสาธารณะใดเป็นกิจการที่ต้องใช้ระบบตั๋วร่วม และต้องได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ โดยก่อนมีการตราพระราชกฤษฎีกานั้น จะต้องจัดให้มีการเจรจาและทำความตกลงร่วมกับผู้ประกอบกิจการขนส่งสาธารณะที่จะถูกบังคับ รวมถึงดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามความเหมาะสมและนำข้อมูลที่ได้รับมาประกอบการพิจารณา ซึ่งหากผู้ประกอบการที่ถูกบังคับภายใต้พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษทางปกครอง
หมวด 3 การดำเนินงานในการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม (ร่างมาตรา 24)
- กำหนดหน้าที่ของผู้รับใบอนุญาต
1. ประกอบกิจการระบบตั๋วร่วมให้เป็นไปตามมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วม เพื่อให้ระบบตั๋วร่วมทั้งหมดมีมาตรฐานเดียวกันและสามารถเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันได้
2. บำรุงรักษา ซ่อมแซม และแก้ไขปรับปรุงระบบตั๋วร่วม หรือเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการประกอบกิจการระบบตั๋วร่วมให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีมาตรฐาน ในกรณีที่เกิดความชำรุดเสียหาย จะต้องดำเนินการแก้ไขให้สามารถใช้งานได้โดยเร็ว
3. รวบรวมข้อมูลการใช้บริการระบบตั๋วร่วม ข้อมูลการเดินทาง และข้อมูลมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ที่ สนข. ร้องขอ และประมวลผลข้อมูลเพื่อรายงานต่อสำนักงาน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ สนข. ประกาศกำหนด
4. รับเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้ใช้บริการที่ไม่ได้รับความสะดวก ได้รับการบริการที่ไม่สุภาพ หรือได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายอื่นใดอันเนื่องมาจากการให้บริการระบบตั๋วร่วม เพื่อรายงานต่อ สนข.
5. นำส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม
6. ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือตามที่กำหนดในประกาศ ระเบียบหรือข้อบังคับของคณะกรรมการ
หมวด 4 อัตราค่าโดยสารร่วม (ร่างมาตรา 25 – มาตรา 28)
การกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วมให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยจะต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณอัตราค่าโดยสารร่วมตามที่ คนต. กำหนด โดยให้คำนึงถึงหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
1. การบูรณาการอัตราค่าโดยสารระหว่างระบบขนส่งสาธารณะที่ต่างระบบและต่างผู้ให้บริการขนส่ง
2. ค่าใช้จ่ายอันสมควรในการให้บริการขนส่งสาธารณะโดยมีกำไรที่สมเหตุสมผล ตามประเภทและลักษณะของการให้บริการที่เป็นไปตามปกติในการประกอบธุรกิจ
หมวด 5 กองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม (ร่างมาตรา 29 – มาตรา 34)
- ให้จัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วมใน สนข. โดยมีวัตถุประสงค์ของกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม ดังนี้
1. เพื่อส่งเสริมและอุดหนุนประชาชนผู้ใช้บริการระบบตั๋วร่วมให้สามารถใช้ระบบขนส่งสาธารณะด้วยความสะดวก โดยมีต้นทุนการเดินทางที่สมเหตุสมผล
2. เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานระบบตั๋วร่วมของผู้รับใบอนุญาตที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากการเข้าร่วมระบบตั๋วร่วม
3. เพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตกู้ยืมสำหรับดำเนินการลงทุน ปรับปรุง และพัฒนาการให้บริการระบบตั๋วร่วม
- แหล่งที่มาของเงินกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม
(1) เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้
(2) เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
(3) เงินค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต
(4) เงินที่ได้รับจากผู้ได้รับใบอนุญาต
(5) เงินที่ได้รับจากผู้ให้บริการขนส่ง เมื่อมีสัญญาสัมปทาน สัญญาร่วมงาน หรือสัญญาร่วมลงทุน แล้วแต่กรณี มีข้อสัญญาให้ผู้ให้บริการขนส่งจะต้องส่งเงินเข้ากองทุน
(6) เงินค่าปรับทางปกครอง
(7) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้แก่กองทุน
(8) ดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน
(9) เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้จากกองทุน กองทุนหมุนเวียน เงินทุน เงินทุนหมุนเวียน หรือทุนหมุนเวียน
- กำหนดการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน ดังต่อไปนี้
(1) เป็นเงินส่งเสริมและอุดหนุนผู้รับใบอนุญาตเนื่องจากประกอบกิจการระบบตั๋วร่วมเพื่อให้ประชาชนผู้ใช้บริการระบบตั๋วร่วมสามารถใช้ระบบขนส่งสาธารณะด้วยความสะดวก โดยมีต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการเดินทางตามที่ คนต. กำหนด
(2) เป็นเงินสนับสนุนการดำเนินงานระบบตั๋วร่วมของผู้รับใบอนุญาต เนื่องจากการนำอัตราค่าโดยสารร่วมมาประยุกต์ใช้
(3) เป็นเงินสนับสนุนการจัดตั้งหรือปรับปรุงศูนย์บริหารจัดการรายได้กลางที่ดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐ
(4) เป็นเงินสนับสนุนการลงทุนพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติของผู้รับใบอนุญาต
(5) ให้ผู้รับใบอนุญาตกู้ยืมสำหรับดำเนินการลงทุน ปรับปรุง และพัฒนาการให้บริการระบบตั๋วร่วม
(6) เป็นเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการลงทุน การวิจัย และพัฒนาระบบตั๋วร่วม
(7) เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน
ให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม ที่เป็นไปตามมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. 2558
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี