ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ต้อนรับนายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภาและคณะฯ พร้อมทั้งหารือแลกเปลี่ยนความเห็นเชิงประเด็นปัญหาผลกระทบต่อผู้ประกอบการในแต่ละภาคธุรกิจ ตลอดจนข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหาเรื่องต่างๆ เพื่อจัดทำรายงานเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาผลักดันไปสู่การแก้ไขปัญหาอุปสรรคของภาคธุรกิจและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
นายสนั่น กล่าวว่า วุฒิสภา เป็นอีกกลไกหนึ่งที่สำคัญที่จะช่วยผลักดันข้อเสนอทางเศรษฐกิจของภาคเอกชนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ผ่านมาหอการค้าฯ ได้จัดทำสมุดปกขาว ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อเสนอของภาคเอกชนทั่วประเทศ โดยมีประเด็นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน 3 ด้าน ได้แก่ การสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ, การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs และการวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป้าหมายผลักดันเศรษฐกิจไทย ให้เติบโตอย่างยั่งยืน 6 ประเด็น ได้แก่ การค้าและการลงทุน, เกษตรและอาหาร, ท่องเที่ยวและบริการ, การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน,การขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับการแข่งขันของประเทศ และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค
ทั้งนี้ โดยได้เสนอในรายละเอียดไปยังรัฐบาลแล้ว เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทั้งหอการค้าไทยและกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา ได้หารือในประเด็นสำคัญเพิ่มเติม ได้แก่ 1.การขับเคลื่อนศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหาร (Agriculture and Food Coordination and Public Relations Center : AFC)ซึ่งส่วนนี้หอการค้าฯ อยากให้มีการสนับสนุนและประชาสัมพันธ์การขับเคลื่อนศูนย์ฯไปยังเกษตรกรทั่วประเทศ 2. กลไกประสานงานและส่งเสริมธุรกิจไทย-จีน อย่างยั่งยืน จะเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ ส่งเสริมการค้าและการลงทุนที่สอดคล้องกับกฎหมาย และข้อบังคับของทั้งสองประเทศ รวมถึงสนับสนุนสื่อมวลชนในการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อสร้างความเข้าใจที่ดี และเป็นกลางระหว่างสังคมไทย และจีน
3.แผนการพัฒนาการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan : PDP) ทั้งการเร่งพัฒนาแหล่งก๊าซ (Overlapping Claims Area: OCA) ร่วมกับประเทศกัมพูชา การผลักดันนโยบาย alternative energy เช่น ไฮโดรเจน และพลังงานนิวเคลียร์ ที่เป็นเชื้อเพลิงสะอาด การเร่งพัฒนาตลาดไฟฟ้าสีเขียวเปิดการซื้อขายพลังงานหมุนเวียนเสรี และเปิดสายส่ง การเร่งให้มีระบบ Direct Power Purchase Agreement : Direct PPA ผ่านกลไก Third Party Access และศึกษาแนวทางการบริหารจัดการค่า AP (Availability Payment) หรือค่าความพร้อมจ่ายของภาคไฟฟ้าเอกชนในตลาดเสรี 4.การช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)โดยเร่งสร้างความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการเพื่อให้สินค้าไทยแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ การช่วยเหลือ SMEs ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้อย่างสะดวกและง่ายขึ้น นอกจากนี้ หอการค้าฯยังได้เสนอให้ขยายความช่วยเหลือครอบคลุมกลุ่มลูกหนี้ SMEs ที่อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มนี้หลุดเป็น NPL ในอนาคต
5.การบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายของประเทศ (Zero waste to landfill) โดยหอการค้าฯ ได้เสนอ ผลักดันการเพิ่มประสิทธิภาพระบบการคัดแยกขยะ โดยจัดตั้งศูนย์จัดการขยะ (Material Recovery Facility : MRF)ทั่วประเทศสำหรับการจัดการขยะเปียก และแยกขยะแห้งแต่ละชนิดออกจากกันเพื่อสร้างคุณค่าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนในจุดที่เหมาะสม การจัดสรรเงินลงทุนและกำหนดมาตรการเพื่อสนับสนุนให้เกิดโครงการจัดการขยะที่เหมาะสมเป็นโมเดลต้นแบบ และการจัดทำกฎหมายแม่บท Circular Economy Act ของประเทศไทยให้เสร็จสมบูรณ์ ที่ครอบคลุมการจัดการของเสีย การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การรีไซเคิล และการกำหนดสัดส่วนการใช้วัสดุ
รีไซเคิล (% Recycle Content) 6.Platform ซื้อขายคาร์บอนเครดิต โดยสนับสนุนโครงการ Platform ซื้อขายคาร์บอนเครดิตให้เป็นแนวทางในการสร้างความตระหนักและการรับรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทุกภาคส่วน ซึ่งหอการค้าไทยได้ริเริ่มแผนงานพัฒนา Platform กลางที่ซื้อขายคาร์บอนเครดิตแบบปลีกย่อย เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้มุ่งสู่การลดก๊าซเรือนกระจก ภายใต้โครงการ Platform ซื้อขายคาร์บอนเครดิต หรือ Carbon Neutrality 4 ALL
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี