นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม พร้อมเดินหน้านโยบายจากที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลงานครบรอบ 90 วันที่รัฐบาลได้ปฏิบัติหน้าที่ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” และมอบนโยบายแก่ข้าราชการระดับสูง ได้แก่ หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรม ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้กระทรวงคมนาคม เดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย เพื่อลดภาระค่าครองชีพและค่าเดินทาง และให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าด้วยราคา 20 บาท ในทุกสี ทุกเส้นทางในปี 2568
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการสำเร็จแล้วในรถไฟฟ้า 2 สาย คือ โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ - ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ - รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ช่วงเตาปูน - คลองบางไผ่ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งส่งผลให้มีประชาชนเข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง จากสถิติผู้โดยสายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ขณะที่การดำเนินมาตรการค่ารถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสายในทุกเส้นทาง ทุกสี และทุกสายนั้น กระทรวงคมนาคมขอยืนยันว่าการดำเนินการจะเป็นไปตามที่ได้กำหนดไว้ในเดือนกันยายน 2568 อย่างแน่นอน
ส่วนความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ... นั้น ปัจจุบันได้ผ่านการอนุมัติในหลักการจากคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว โดยจะเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอต่อรัฐสภาต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคม ได้ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ดำเนินโครงการบ้านเพื่อคนไทย ด้วยการให้พัฒนาที่อยู่อาศัยของที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) สามารถผ่อนได้นานถึง 30 ปี อยู่อาศัยได้ 99 ปี ซึ่งจะทำให้คนไทยที่ไม่เคยมีบ้านมาก่อน สามารถมีบ้านที่มีคุณภาพสูงด้วยราคาประหยัด มีสาธารณูปโภคและการรักษาความปลอดภัยที่ครบครัน พร้อมกับสามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวก สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและประเทศอย่างยั่งยืน
นายสุริยะกล่าวว่า ส่วนเรื่องที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น-หนองคาย และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้เปิดประมูลโครงการ จนนำมาสู่การลงนามสัญญาจ้างร่วมกับ กิจการร่วมค้า ช.ทวี-เอเอส ซึ่งเป็นเอกชนผู้ชนะการประมูลนั้น ในปี 2568 กระทรวงคมนาคม มีแผนเร่งรัดโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 อีก 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,312 กิโลเมตร (กม.) วงเงินรวม 298,060 ล้านบาท
ทั้งนี้ ประกอบด้วย 1.โครงการรถไฟทางคู่ช่วงปากน้ำโพ – เด่นชัย ระยะทาง 281 กม. วงเงิน 81,143 ล้านบาท, 2.โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม. วงเงิน 44,103 ล้านบาท, 3.โครงการรถไฟทางคู่ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม.วงเงิน 7,900 ล้านบาท, 4.โครงการรถไฟทางคู่ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม.วงเงิน 30,422 ล้านบาท , 5. โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กม.วงเงิน 66,270 ล้านบาท และ6.โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม. วงเงิน 68,222 ล้านบาท
โดยขั้นตอนในปัจจุบันทั้ง 6 เส้นทางได้รับความเห็นชอบจากสำนักงบประมาณแล้วอยู่ในระหว่างรอความคิดเห็นจากกระทรวงการคลัง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) พิจารณา คาดว่าจะได้ความคิดเห็นทั้ง 2 หน่วยงานภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2567 หากได้รับความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครบแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะนำเสนอโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง เพื่ออนุมัติการก่อสร้างต่อ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.) โดยบรรจุเข้าวาระในการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในเดือนมกราคม 2568 ก่อนทยอยเปิดประมูลโครงการแต่ละเส้นทางต่อไป
ในขณะที่ความคืบหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะ (เฟส) ที่ 2 ช่วง นครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 357.12 กม. วงเงิน 3.41 แสนล้านบาทนั้น ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างเสนอต่อกระทรวงการคลัง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) พิจารณาภายใน 1-2 เดือน ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป คาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในปี 2568
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี