นายวรวัฒน์ นาคแนวดี หรือ Acme Traderist ผู้เชี่ยวชาญด้าน Cryptocurrency และ ธุรกิจ Financial Technology (เทคโนโลยีทางด้านการเงิน) และยังเป็นผู้ทำเหมืองขุด Bitcoin และทำการศึกษา Bitcoin เป็นกลุ่ม แรกมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มในช่วง 3 ปีแรกของการกำเนิดขึ้นของ Bitcoin ได้ออกมาเปิดเผยว่า นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ท่านอดีตนายกรัฐมนตรีผู้มีวิสัยทัศน์เป็นอย่างยิ่ง และสอดคล้องกับแนวคิดของผม ที่ต้องการสนับสนุนให้ไทยใช้ Bitcoin เป็นกองทุนสำรองของประเทศ เพราะผมมองว่า Bitcoin นั้นมีศักยภาพสูงมากในการเป็นสกุลเงินดิจิทัลหลักของโลก และหากประเทศไทยนำ Bitcoin มาเป็นส่วนหนึ่งของกองทุนสำรอง จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ และเปิดโอกาสให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี Blockchain ในระดับภูมิภาค
จากเหตุผลดังกล่าวผมจึงมีแผนจะทำการ “ปล่อยกู้ Bitcoin ให้แก่ภาครัฐโดยไม่คิดดอกเบี้ย” เพื่อใช้เป็นกองทุนสำรองของประเทศ และมีการกำหนดการค้ำประกันค่าความผันผวนทางด้านราคาของ Bitcoin หากราคามีความผันผวนรุนแรงในเชิงลบ โดยผมยังสามารถรวบรวมกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่ถือครองสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) จากนานาชาติโดยเฉพาะ Bitcoin ที่พร้อมให้การสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายของประเทศไทย
“ผมถือครอง Bitcoin มาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 2012 ที่ผมเริ่มทำเหมืองขุด Bitcoin โดยเป็นคนกลุ่มแรกๆ ในประเทศไทย สิ่งที่ทำให้ผมเชื่อมั่นใน Bitcoin ตลอดมาก็คือเทคโนโลยี Blockchain ที่มีความโปร่งใสสูงสุด ทุกคนสามารถตรวจสอบได้ ข้อมูลไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และมีกระจายศูนย์อำนาจการทำงานแบบไร้ตัวกลางควบคุม ทำให้ Bitcoin เป็นต้นแบบหลักของสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลกที่ใช้ระบบ Blockchain ซึ่งตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมานี้ผมได้มีการขาย Bitcoin ออกไปน้อยมาก โดยส่วนใหญ่จะใช้แจกหรือจัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้กับคนไทยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด และเพื่อการลงทุนบางส่วน ตั้งแต่ก่อนที่ประเทศไทยจะมีพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ฉบับปัจจุบัน ซึ่งในความเห็นของผม กฎหมายฉบับนี้ยังต้องได้รับการพัฒนาแก้ไข และปรับปรุงอีกมาก เพื่อให้เป็นไปในทิศทางที่ให้การสนับสนุนต่อภาคธุรกิจในแบบที่ยังสามารถควบคุมได้ดี โดยผู้กำกับดูแลบังคับใช้กฎหมาย และเสนอกฎหมายที่เกี่ยวข้องนี้จะต้องมีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างแท้จริง“นายวรวัฒน์ กล่าว
“สำหรับผมแล้วยังไม่มีความคิดที่จะขาย Bitcoin ที่ผมถือครองอยู่ดังนั้นผมจึงต้องการนำ Bitcoin ที่มีอยู่จำนวนหนึ่งมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการปล่อยกู้ให้กับภาครัฐ แบบไม่คิดดอกเบี้ย เพื่อช่วยสร้างความได้เปรียบให้กับประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านทางด้านเศรษฐกิจดิจิทัล และอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจกับนานาชาติ ซึ่งผมเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำในด้านนี้ และผมมั่นใจว่าการนำ Bitcoin มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของกองทุนสำรอง จะช่วยให้ประเทศไทยมีความหลากหลายทางการเงินมากขึ้น และสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกในยุคปัจจุบันที่ระบบการเงินโลกใหม่ได้เข้ามาแทรกแซงการเงินยุคเก่าไปแล้วได้ดียิ่งขึ้น" นายวรวัฒน์ กล่าวในตอนท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี