อีกขั้นของความร่วมมือ!‘รอสคองเกรส’เปิดเวทีฉายศักยภาพการลงทุนรัสเซียในไทยเป็นครั้งแรก เน้นย้ำโอกาสความร่วมมือระดับทวิภาคี เพื่อส่งเสริมศักยภาพทางธุรกิจและการลงทุนของรัสเซียในประเทศไทย
12 ธันวาคม 2567 มูลนิธิรอสคองเกรส (Roscongress Foundation) ร่วมกับสถานทูต และคณะผู้แทนการค้าของรัสเซียประจำประเทศไทยจัดการประชุมส่งเสริมศักยภาพธุรกิจและการลงทุนของรัสเซียเป็นครั้งแรกในประเทศ เป้าหมายสำคัญคือการรวมชุมชนธุรกิจรัสเซียและไทยเข้าด้วยกันเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันในบริบทของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันจะสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับการติดต่อทางธุรกิจ ข้อตกลง และการพัฒนาผลประโยชน์ร่วมกัน ขณะเดียวกันถือเป็นก้าวสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและไทย และส่งเสริมการพัฒนาโครงการร่วมกัน ซึ่งสิ่งนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน เนื่องจากจะสามารถนำพาความยั่งยืนและความสามารถในการปรับตัวกลายเป็นปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จ โดยภายในงานมีตัวแทนจากฝั่งผู้ประกอบการและสมาคมธุรกิจของไทยเข้าร่วมกว่า 180 ราย ซึ่งครอบคลุมทั้งใน อุตสาหกรรมเทคโนโลยี การแพทย์ ภาคประชาสังคม พลังงาน ธุรกิจค้าปลีก เกษตรกรรม และการท่องเที่ยว
นายอเล็กซานเดอร์ สตุกเลฟ (Alexander Stuglev) ประธานคณะกรรมการและซีอีโอของมูลนิธิรอสคองเกรส เปิดเผยว่า ประเทศไทยยังคงรักษาความสัมพันธ์อันดีกับรัสเซียแม้ท่ามกลางการคว่ำบาตรจากกลุ่มประเทศตะวันตก โดยในปี 2566 ความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างรัสเซียและไทยยังคงพัฒนาต่อเนื่อง ซึ่งมีมูลค่าการค้าถึง 1,500 ล้านดอลลาร์ โดยผู้บรรยายในงานมีความเชื่อมั่นว่า ตัวเลขดังกล่าวมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเห็นว่ารูปแบบความร่วมมือในอนาคตควรเป็นความร่วมมือระดับประเทศของทั้งไทยและรัสเซียผ่านการเจรจาที่ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ บริษัทในรัสเซียกระตือรือร้นที่จะร่วมมือกับประเทศไทยในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนระบบการบริหารสาธารณะให้เป็นดิจิทัล ความปลอดภัยทางไซเบอร์ โทรคมนาคม และเทคโนโลยีการสื่อสาร ในปี 2023 การส่งออกสินค้าเกษตรกรรมของรัสเซียมายังประเทศไทยมีมูลค่าเกิน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ และปริมาณดังกล่าวเพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2024
ตลาดไทยมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ส่งออกธัญพืชของรัสเซีย เนื่องจากภาคปศุสัตว์ของไทยบริโภคอาหารสัตว์มากกว่า 21 ล้านตันต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการนำเข้า นอกจากนี้ รัสเซียยังสามารถขยายการส่งออกข้าวสาลีและปลาแช่แข็ง ซึ่งรัสเซียเป็นผู้นำในตลาดโลกอยู่แล้ว ในขณะที่สินค้าการส่งออกหลักจากรัสเซียมายังไทย ได้แก่ โลหะและผลิตภัณฑ์โลหะ สินค้าอุตสาหกรรมเคมี ผลิตภัณฑ์แร่ และไม้ รวมถึงผลิตภัณฑ์เยื่อกระดาษและกระดาษ การทำงานร่วมกันที่สำคัญคือความร่วมมือในการจัดการกับภัยคุกคามทางอาญาต่างๆ สภาความมั่นคงในรัสเซียและไทยหารือเกี่ยวกับการต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างประเทศ อาชญากรรมข้ามชาติ การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การลักลอบค้าอาวุธ การฟอกเงิน และอาชญากรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ
ตามที่ได้มีการระบุไว้ใน International Business Forum "World of Opportunities: Russia-ASEAN" ที่ผ่านมาว่า ความร่วมมือกับประเทศในกลุ่มอาเซียนยังคงดำเนินต่อไปและเป็นหนึ่งในกลุ่มความร่วมมือที่รัฐบาลรัสเซียให้ความสำคัญ ซึ่งประเทศไทยในฐานะหนึ่งในเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียนมีความน่าสนใจเป็นพิเศษในมุมมองของภาคธุรกิจรัสเซีย โดยหน้าที่ของมูลนิธิรอสคองเกรส คือรวบรวมโอกาสทั้งหมดเพื่อความร่วมมือระหว่างธุรกิจรัสเซียและไทย ซึ่งเป็นเวลากว่า 15 ปีแล้ว,ที่มูลนิธิฯให้การสนับสนุนทั้งธุรกิจระหว่างประเทศไทยและรัสเซียในการสร้างความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ ค้นหาพันธมิตร และระบุผู้มีโอกาสเป็นนักลงทุน
ทั้งนี้ ประเทศไทยแสดงความสนใจในแหล่งพลังงานของรัสเซีย รวมถึง LNG น้ำมัน ปิโตรเคมี และการผลิตไฟฟ้า ความร่วมมือยังขยายออกไปในด้านวิทยาศาสตร์ เกษตรกรรม และการจัดซื้อผลิตภัณฑ์ของรัสเซีย รวมถึงอาหารทะเล สินค้าจากตะวันออกไกลของรัสเซีย เนื้อวัว และผลิตภัณฑ์จากนม ขณะเดียวกันประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมในเอเชียสำหรับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย รัสเซียอยู่ในอันดับที่ 5ในกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับชาติที่มาเยือนประเทศไทย และเป็นตลาดยุโรปที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวของไทย จากข้อมูลของกระทรวงกีฬาและการท่องเที่ยวของประเทศไทย ชาวรัสเซียมากกว่า 1.2 ล้านคนเดินทางมาประเทศไทยตั้งแต่ต้นปี จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น 15% เป็นผลมาจากการยืดเวลาการพำนักโดยไม่ต้องขอวีซ่าสำหรับชาวรัสเซียเป็น 60 วัน และ ในช่วงฤดูท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเพิ่มขึ้น 100% อ้างอิงข้อมูลตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าภายในสิ้นปีนี้ นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย จำนวน 1.7 ล้านคน ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทยประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์
ดังนั้น การประชุมครั้งนี้จึงมอบโอกาสให้ธุรกิจไทยในการหาพันธมิตรในฝั่งรัสเซีย เรียนรู้เกี่ยวกับมาตรการสนับสนุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติ และเข้าสู่ตลาดรัสเซีย พร้อมมอบเครื่องมือที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม "RC-Investments" สนับสนุนโครงการธุรกิจด้านการลงทุนและการส่งออก เหมาะสำหรับธุรกิจระหว่างประเทศที่กำลังมองหาพันธมิตรการลงทุนในรัสเซีย แพลตฟอร์มนี้เชื่อมโยงนักลงทุนมากกว่า 500 รายและพันธมิตร 80,000 ราย ด้วยการสนับสนุนของเรา มีการลงนามข้อตกลงมากกว่า 60 ฉบับ มีโครงการมากกว่า 300 โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ และดึงดูดการลงทุนทั้งหมดเกิน 22 พันล้านดอลลาร์
ที่ผ่านมามูลนิธิรอสคองเกรสสร้างโอกาสแก่ธุรกิจไทย ในการค้นหาคู่ค้า บรรลุข้อตกลง และหารือเพื่อการร่วมมือในอนาคต และสิ่งสำคัญ คือ ปัจจุบันการพัฒนาความร่วมมือของทั้งสองประเทศได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยรัฐบาลรัสเซียเสนอเงื่อนไขที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจให้แก่ประเทศไทย ตัวอย่างเช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษ อาทิ พื้นที่การพัฒนาขั้นสูงในภาคตะวันออกไกล ผ่านการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและขั้นตอนการบริหารที่ไม่ซับซ้อน โดยประเทศไทยสนใจการส่งออกและความช่วยเหลือใน อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจากรัสเซีย นอกจากนี้ การส่งมอบผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรรวมทั้งทรัพยากรด้านพลังงานของรัสเซีย อย่างสม่ำเสมอช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศของไทยและช่วยลดต้นทุนการผลิตเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ โครงการของมูลนิธิรอสคองเกรส มีส่วนสำคัญในการช่วยสนับสนุนความร่วมมือดังกล่าว และการนำเสนอโครงการข้างต้น ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย อีกทั้งยังได้นำเสนอเวทีเสวนาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น St. Petersburg International Economic Forum, the Russian Energy Week, the Russian Tourism Forum “Let’s travel!”, the St. Petersburg International Legal Forum, the Russian Design Industry Forum และ the Eastern Economic Forum. ที่ผ่านมาภาคธุรกิจไทยเข้าร่วมกิจกรรมของมูลนิธิรอสคองเกรสอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ในปี 2566 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และตัวแทนจากบริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ ในภาคพลังงานและ เทคโนโลยี จำนวน 157 แห่งได้เข้าร่วมวงเสวนา Eastern Economic Forum และในปี 2567 ประเทศไทยได้นำเสนอนิทรรศการ ขนาดใหญ่ ภายใต้ชื่อ the Russian Tourism Forum “Let’s travel!”
ด้านเยฟกินี โทมิคิน (Evgeny Tomikhin) เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย กล่าวว่า "ไทยและรัสเซียได้สร้างความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จ ในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ เช่น พลังงานและเกษตรกรรม รวมทั้งกำลังหารือประเด็นการบังคับใช้กฎหมายผ่านสภาความมั่นคงของรัสเซียและไทย นอกจากนี้ทั้งสองประเทศอยู่ในช่วงพิจารณาความเป็นไปได้ของข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับสหภาพเศรษฐกิจ ยูเรเชีย (Eurasian Economic Union : EAEU) ซึ่งอาจช่วยสนับสนุนการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจได้ อีกทั้งความร่วมมือด้านมนุษยธรรมก็อยู่ในช่วงดำเนินการผ่านโครงการร่วมในด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษา และวัฒนธรรม โดยมั่นใจว่าการประชุมครั้งนี้จะกลายเป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาโครงการในพื้นที่เหล่านี้ รวมถึง ในเวทีธุรกิจสำคัญในรัสเซีย"
“เราได้รับคำขอทางด้านความร่วมมือจากทั้งนักธุรกิจไทย และ ธุรกิจจากทางรัสเซียเป็นจำนวนมาก และการประชุมในครั้งนี้มีความสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมค้นหาวิธีการผ่านอุปสรรคร่วมกัน นี้คืออีกเหตุผลสำคัญที่ธุรกิจไทยควรเข้าร่วมอีเว้นท์ทางธุรกิจของรัสเซีย รวมไปถึงงานที่จะจัดขึ้นจากมูลนิธิรอสคองเกรส ทั้งนี้ยิ่งมีจำนวนบริษัทเข้าร่วมมากเท่าไรเราก็ยิ่งมีโอกาสที่จะสร้างความร่วมมือทางธุรกิจมากขึ้นเท่านั้น” ยูริ ลีชิน (Yuri Lyzhin) ผู้แทนทางการค้าของสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศไทย กล่าว
นอกจากนี้ ภายในงานยังได้ผู้ร่วมอภิปรายคนสำคัญ ผู้ร่วมอภิปรายประกอบ ด้วย ยูริ ลีชิน (Yuri Lyzhin) ผู้แทนทางการค้าของสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศไทย คอนสแตนติน กอร์เชเนฟ (Konstantin Gorshenev) ตัวแทนจาก "OPORA Russia” องค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ที่ทำหน้าที่สร้างพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนระหว่างเจ้าของและผู้จัดการธุรกิจขนาดเล็กและกลางประจำกรุงเทพฯ วารินทร์ แคร่า รองประธาน กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Cloudsec Asia และอดิศร์ กฤษณวงศ์ กรรมการบริหารสูงสุดหอการค้าแห่งประเทศไทย
โดยผู้ที่สนใจที่จะเข้าร่วมการเจรจาทางธุรกิจในปี 2568 ที่จะถึงนี้ สามารถเข้าร่วมได้ที่ the St.Petersburg International Economic Forum ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-21 มิถุนายน 2568 และในช่วงฤดูใบไม้ร่วงกับ the Eastern Economic Forum ที่เมืองวลาดิวอสตอค ระหว่างวันที่ 3-6 กันยายน 2568
#เกี่ยวกับมูลนิธิรอสคองเกรส
มูลนิธิรอสคองเกรสเป็นสถาบันเพื่อการพัฒนาที่มุ่งเน้นการทำงานด้านสังคมและไม่แสวงหาผลกำไร และจัดตั้งขึ้นตามความมุ่งหมายของประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย โดยมูลนิธิฯ เป็นผู้จัดงานและกิจกรรมรายใหญ่ที่สุดทั้งในระดับประเทศ และต่างประเทศซึ่งครอบคลุมงานประชุม นิทรรศการ ธุรกิจ กิจกรรมเพื่อสาธารณะ เยาวชน กีฬา และวัฒนธรรม
มูลนิธิฯ ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจ สนับสนุนผลประโยชน์ ของชาติ และเสริมสร้างภาพลักษณ์ของรัสเซีย โดยมูลนิธิทำการศึกษา วิเคราะห์ จัดทำ และเน้นประเด็นสำคัญต่างๆภายใต้ วาระทางเศรษฐกิจทั้งระดับชาติและสากล รวมทั้งมีส่วนในการบริหารจัดการและส่งเสริมโครงการธุรกิจ ดึงดูดการลงทุนสนับสนุน การพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม และโครงการเพื่อการกุศล กิจกรรมซึ่งจัดขึ้นโดยมูลนิธิรวบรวมผู้เข้าร่วมจาก 209 ประเทศ และเขต ปกครองรวมทั้งมีตัวแทนสื่อมวลชนกว่า 15,000 ประจำอยู่ที่อาคารสำนักงานของมูลนิธิรอสคองเกรส อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญกว่า 5,000 คนในรัสเซียและต่างประเทศมีส่วนร่วมในงานวิเคราะห์และโปรเจคที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะทาง
มูลนิธิฯ ร่วมมือกับหน่วยงานสหประชาชาติ (UN) และองค์กรระหว่างประเทศจำนวนหนึ่งเพื่อพัฒนาความร่วมมือ หลากหลายรูปแบบกับพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับนานาชาติทั้งหมด 212 แห่ง สมาคมอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ สมาคมการเงิน การค้า และธุรกิจใน 86 ประเทศ รวมถึงองค์กรสาธารณะสัญชาติรัสเซีย 293 แห่ง รวมทั้งฝ่ายบริหาร และ นิติบัญญัติระดับสหพันธ์และภูมิภาคของรัสเซีย
ช่องทางติดต่อทาง Telegram ของมูลนิธิรอสคองเกรส
+ ในรัสเซีย: t.me/Roscongress
+ ในอังกฤษ: t.me/RoscongressDirect
+ ในสเปน: t.me/RoscongressEsp
+ ในประเทศกลุ่มอาหรับ: t.me/RosCongressArabic
+ เว็บไซต์ทางการ: roscongress.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี