นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า จากความร่วมมือระหว่าง SME D Bank โดย “ศูนย์วิจัยและข้อมูล ธพว.” ร่วมกับ “สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” ดำเนินการสำรวจ “ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่อเศรษฐกิจและธุรกิจ ไตรมาส 4/2567 และคาดการณ์อนาคต” จากกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกประเภทอุตสาหกรรม จำนวนกว่า 500 ตัวอย่าง พบว่าภาพรวมดัชนีเชื่อมั่นฯ ไตรมาสที่ 4/2567 อยู่ที่ระดับ 55.21 ปรับดีขึ้นอย่างชัดเจนจากไตรมาสที่ 3/2567 ที่ผ่านมา ที่อยู่ในระดับ 43.63 เป็นผลมาจากเสถียรภาพทางการเมืองและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับเข้าสู่ช่วง High Season การท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นการบริโภค และมีการจ้างงานในภาคบริการ รวมถึงการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี
ทั้งนี้ วิสาหกิจขนาดกลาง (Medium) มีดัชนีความเชื่อมั่นสูงสุดที่ระดับ 60.98 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและปรับตัวทางธุรกิจได้ดีกว่าวิสาหกิจขนาดย่อม (Small) และขนาดย่อย (Micro) ในขณะที่ กลุ่มธุรกิจการผลิต การท่องเที่ยว และบริการอื่นๆมีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับใกล้เคียงกันที่ 57.14-57.26 ขณะที่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ยังคงเป็นกลุ่มที่มีระดับความเชื่อมั่นต่ำที่สุด รวมถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเชื่อมั่นผลประกอบการและสภาพคล่องปรับเพิ่มขึ้น จะลงทุนและจ้างงานเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ความต้องการกู้ยืมสินเชื่อ ในไตรมาส 1/2568 ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีความต้องการ คิดเป็นสัดส่วน 56.80% ในการใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน สัดส่วน 34.80% และเพื่อลงทุน สัดส่วน 22.00% ส่วนคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า (ไตรมาส 1/2568) ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยภาพรวมความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 58.82 ซึ่งเพิ่มขึ้นในเกือบทุกด้าน ทุกขนาดธุรกิจ และทุกประเภทอุตสาหกรรม ปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ได้แก่ นโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้นและเชื่อจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้การท่องเที่ยวยังคงอยู่ในช่วง High Season รวมถึงภาพรวมของการส่งออกขยายตัว
ขณะที่ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 56% ระบุว่าได้รับผลกระทบจากการทะลักเข้ามาของสินค้าจีนราคาถูก โดยธุรกิจขนาดย่อย และภาคธุรกิจการค้า ได้รับผลกระทบมากที่สุด พร้อมระบุว่า หากในอนาคตยังมีสินค้าจีนราคาถูกทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นเป็น 58% ในทุกขนาดธุรกิจและทุกประเภทธุรกิจ ซึ่งแนวทางปรับตัวของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่อประเด็นดังกล่าว 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.ปรับกลยุทธ์การตลาดของธุรกิจให้แตกต่างจากสินค้าจีน 2.พัฒนาคุณภาพและนวัตกรรมของสินค้าเพื่อสร้างความแตกต่าง และ3.เพิ่มมูลค่าในสินค้าและบริการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี