นายสมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) กล่าวว่า SCB EIC ได้ ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกปี 2568 เหลือเติบโต 2.5% จากเดิม 2.8% จากนโยบาย Trump 2.0 ซึ่งจะเร่งปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และการกีดกันการค้าให้รุนแรงขึ้น กระทบเศรษฐกิจโลกผ่านการค้าการลงทุน และแรงงานเป็นหลัก โดยหลายประเทศหลักได้เตรียมชุดมาตรการลดผลกระทบเชิงลบจากนโยบาย “Trump 2.0 ไว้บ้างแล้ว แต่ปัญหาการเมืองบางประเทศ อาจเป็นความเสี่ยงสำคัญที่จะทำให้แนวทางการรับมือของภาครัฐขาดประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะเยอรมนี ฝรั่งเศส และเกาหลีใต้
ผลกระทบสุทธิของชุดนโยบาย “Trump 2.0” ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มเป็นลบ แต่จะไม่แรงมาก เพราะหลายนโยบายจะช่วยเร่งการลงทุนในสหรัฐฯ เช่น การลดภาษีเงินได้ การลดกฎเกณฑ์ภาครัฐให้เอื้อต่อการทำธุรกิจ และทิศทางการผ่อนคลายนโยบายการเงินโลก จะเริ่มแตกต่างกันและมีความไม่แน่นอนสูง โดยคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่เคยประเมินไว้ เพื่อรองรับความเสี่ยงเงินเฟ้อในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นจาก Trump 2.0โดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้า และการกระตุ้นการลงทุนในประเทศ
อย่างไรก็ดี แรงกดดันเงินเฟ้อโลกอาจไม่เร่งตัวขึ้นมากส่วนหนึ่งเพราะเศรษฐกิจโลกแย่ลง อีกทั้งราคาพลังงานโลกมีแนวโน้มต่ำลงตามอุปสงค์โลก และการเพิ่มกำลังการผลิตในสหรัฐฯ จากนโยบายสนับสนุนของ Trump ส่งผลให้ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยมากกว่าคาดเพื่อดูแลเศรษฐกิจที่จะชะลอลงจากปัญหาเชิงโครงสร้างและปัจจัย Trump 2.0 กดดันเพิ่มเติม แต่สำหรับธนาคารกลางญี่ปุ่น มีแนวโน้มจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดการณ์เดิม ส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันเงินเยนอ่อนค่ามากจาก Trump 2.0
SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 อาจขยายตัวได้ถึง 4% ตามแรงส่งการส่งออก และการใช้จ่ายภาครัฐที่โตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/67 รวมถึงการท่องเที่ยว จะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยปี 2567 ขยายตัวได้ 2.7%
ส่วนปี 2568 ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยลงเหลือเติบโต 2.4% จากเดิม 2.6% เนื่องจากประเมินว่าจะเริ่มได้รับผลกระทบมาตรการกีดกันการค้าของ Trump 2.0 ตั้งแต่ครึ่งปีหลัง เพราะไทยมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐ ซึ่งกว่า 70% ของสินค้าส่งออกไทยไปสหรัฐ เป็นกลุ่มสินค้าที่สหรัฐจะตั้งเป้าลดการขาดดุลการค้า และต้องการสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานในประเทศแทน ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องจักรและคอมพิวเตอร์
นอกจากนี้ปัญหา China overcapacity จะกดดันความสามารถการแข่งขันของสินค้าไทย ทั้งตลาดในและนอกประเทศ ส่งผลให้การส่งออกไทยเริ่มชะลอตัว ซ้ำเติมภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ยังไม่ฟื้นตัว ท่ามกลางแรงกระตุ้นการคลังที่จะออกมาเพิ่มเติมในปีหน้า
การลงทุนภาคเอกชน คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวในปีหน้า แต่ฟื้นไม่แรงมากนักจากความเปราะบางของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับผลกระทบจากสินค้าจีนเข้ามาตีตลาด และอุปสงค์ในประเทศซบเซา สอดคล้องกับผลสำรวจ SCB EICConsumer survey 2024 ผู้บริโภคกว่า 60%มองว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้าแย่ลง โดยเฉพาะกลุ่มคนรายได้ต่ำ สะท้อนความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังอ่อนแอ และมีแนวโน้มลดการใช้จ่ายเพราะไม่แน่ใจในภาวะเศรษฐกิจและรายได้ในอนาคต โดยเฉพาะความต้องการซื้อบ้านและรถในปีหน้า อุปสรรคสำคัญ คือ การขออนุมัติสินเชื่อ ปัจจัยราคา รายได้ และภาระชำระหนี้
ทั้งนี้ ประเมินว่า คุณภาพสินเชื่อรายย่อยทั้งระบบ มีแนวโน้มแย่ลง ท่ามกลางมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อรายย่อยของสถาบันการเงินที่จะยังเข้มงวด จากข้อมูลเครดิตบูโร (NCB) สะท้อนว่าคุณภาพสินเชื่อรายย่อยทั้งระบบ มีแนวโน้มแย่ลงต่อเนื่อง ปัญหาหนี้ครัวเรือนจึงน่าจะคลี่คลายได้ช้า ส่งผลกดดันการบริโภคในระยะข้างหน้า สำหรับมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนล่าสุด เน้นช่วยลูกหนี้รายย่อยกลุ่มเปราะบางได้มากขึ้น และยังมีโอกาสคืนหนี้ได้ สำหรับผลสำเร็จของมาตรการ ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของรายได้ลูกหนี้เป็นหลัก
SCB EIC ประเมินว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง 0.25% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ไปอยู่ที่ 2% และคงตลอดช่วงที่เหลือของปี แม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันอาจยังไม่ได้มีปัจจัยกดดันที่ทำให้ กนง. ต้องเร่งปรับลดดอกเบี้ย แต่ในระยะข้างหน้า เศรษฐกิจไทยจะเผชิญความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมาก ทั้งจากความเปราะบางภายใน และความท้าทายภายนอก นอกจากนี้ การลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมจะช่วยบรรเทาภาระหนี้ และลดผลกระทบภาวะการเงินตึงตัวต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้บ้าง
แนวโน้มธุรกิจไทยยังมีความเสี่ยงทั้งจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก นโยบาย Trump 2.0 การแข่งขันรุนแรงจากต่างประเทศ แรงกดดันจาก Mega trends รวมถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิตของไทยเอง แต่ขนาดผลกระทบจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวของแต่ละธุรกิจ เช่น ธุรกิจยานยนต์ ที่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ความเปราะบางของครัวเรือน ซ้ำเติมด้วยแรงกดดันเปลี่ยนผ่านสู่รถ EV ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีข้อจำกัดในการปรับตัว ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่อาศัยแม้ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อชะลอตัว แต่ผู้ประกอบการบางส่วนปรับตัวเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพทดแทนได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี