นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต (MENA) เปิดเผยว่าทิศทางธุรกิจและผลการดำเนินงานในปี 2568 คาดว่า จะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2567 เนื่องจากธุรกิจโลจิสติกส์มีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการรถมิกเซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัวขานรับการขยายตัวของการลงทุนของภาครัฐและเอกชน บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2568 ไว้ไม่ต่ำกว่า 10% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องรับปัจจัยสนับสนุนจากการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้รถ (Utilization) จาก Fleet ที่มีอยู่

ปัจจุบัน Utilizationของรถ Mixer อยู่ที่ 800 ลูกบาศก์เมตรต่อไตรมาสต่อคัน (Q per Car) ที่ผ่านมาบริษัทฯ เคยทำได้ถึง 920 Q per Car ต่อไตรมาส ดังนั้น หากการลงทุนของภาครัฐและเอกชนยังมีทิศทางเพิ่มขึ้นก็จะเพิ่ม Q per Car ได้ ซึ่งก็จะส่งผลให้รายได้บริษัทเพิ่มขึ้น

สำหรับแผนการดำเนินงานปี 2568 นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจให้เติบโตได้ตามแผนที่วางไว้แล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับ ESG เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพของบุคลากร และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารงานรวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการใช้รถขนส่งที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) โดยเฉพาะรถ Mixer

นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด เช่น รถ EV ที่ปัจจุบันมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism : CBAM) ที่เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญภายใต้นโยบายEuropean Green Deal ที่ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในสหภาพยุโรปและประเทศคู่ค้า บริษัทฯ มองว่าเป็นโอกาสที่ดี ดังนั้นการลงทุนใน EV จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกับคู่ค้า

สำหรับทิศทางอุตสาหกรรมการก่อสร้างปี 2568 เชื่อว่าจะดีกว่าปีก่อน โดยเฉพาะการลงทุนของภาครัฐที่เริ่มส่งสัญญาณเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส ประกอบกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลง และภาคอุปโภคและบริโภคที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่บริษัท ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ (TDM) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ MENA มีแผนการขยาย Fleet รถเป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับการขยายสาขาของบริษัท ซี.เจ.เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป (CJ) ดังนั้นธุรกิจโลจิสติกส์คาดว่าจะสดใสไปในทิศทางเดียวกัน