นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์” กำลังเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อตลาดโลก เพราะได้ก้าวเข้าสู่ศตวรรษแห่งยุคดิจิทัลที่รอบตัวเราเต็มไปด้วยเครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ไม่ว่าจะเป็น Smart Phone, Smart TV, แท็บเลต หรือสื่อโฆษณาดิจิทัลก็ดี จะต้องได้รับการผลิตข้อมูลที่จะใส่ไปในเครื่องมือต่างๆ ที่ต้องใช้ทักษะความสามารถเฉพาะทางจากนักสร้างคอนเทนต์ (Digital Content Creator)จึงเป็นที่มาของการเกิดธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์ขึ้น
ธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์ในไทยแม้จะไม่หวือหวาเหมือนในตลาดต่างประเทศเพราะยังมีความท้าทายใน 3 ด้านคือ 1) เงินทุน ที่เปรียบเสมือนเชื้อเพลิงสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจนี้เติบโตไปได้โดยเฉพาะการจ้าง Content Creatorที่มีฝีมือดีที่มีค่าตัวที่สูง เครื่องมือที่ใช้ผลิตดิจิทัลคอนเทนต์ อย่างอุปกรณ์ Hardware และSoftware ที่ถือเป็นต้นทุนสูงทำให้ธุรกิจขนาดเล็กยังเข้าไม่ถึงมากนัก 2) บุคลากร สิ่งสำคัญที่สุดของธุรกิจนี้ นักออกแบบคอนเทนต์ของไทยถือว่ามีความสามารถที่ดีแต่ยังขาดตลาดในประเทศที่ช่วยพัฒนาทักษะให้เติบโตขึ้น ทำให้นักออกแบบต้องออกไปหาประสบการณ์ในต่างประเทศจึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ประเทศไทยไม่มีเวทีที่กว้างพอให้นักออกแบบกลุ่มนี้ได้มีโอกาสแสดงความสามารถและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในประเทศ และสุดท้าย 3) ตลาด ส่วนใหญ่แล้วตลาดในประเทศไทยจะเป็นการส่งออกคอนเทนต์ไปยังต่างประเทศมากกว่าการบริโภคในประเทศ
อย่างไรก็ดี ยังมีพื้นที่อีกมากที่รอนักลงทุนไทยมาครองตลาดในปัจจุบันและอนาคตประกอบกับภาครัฐได้เห็นความสำคัญของธุรกิจนี้ หลายหน่วยงานได้สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนผลักดันให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปได้โดยการจัดงานแสดงศักยภาพต่างๆ พัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยีในการผลิตการออกมาตรการช่วยเหลือที่สอดรับกับความต้องการของธุรกิจโดยตรง รวมถึงการส่งเสริม Thai Style ที่จะเป็นจุดแข็งสร้างความแตกต่างบนตลาดโลก สะท้อนวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ไทยให้เป็นที่รู้จักในต่างแดน
จากข้อมูลนิติบุคคลในธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์ (ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567) พบว่ามีทั้งหมด 1,071 ราย ทุนจดทะเบียน 4,806 ล้านบาทแบ่งเป็นแอนิเมชั่น/ คาแร็กเตอร์ 299 ราย ทุนจดทะเบียน 1,464 ล้านบาท เกม 257 ราย ทุนจดทะเบียน 1,217 ล้านบาท และ e-Book 515 ราย ทุนจดทะเบียน 2,125 ล้านบาท โดยจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัดมากที่สุด 993 ราย หรือ92% ทุนจดทะเบียน 4,211 ล้านบาท รองลงมาเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญ 74 รายทุนจดทะเบียน 61.46 ล้านบาท และบริษัทมหาชน จำกัด 4 ราย ทุนจดทะเบียน 535 ล้านบาทส่วนใหญ่จัดตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ภาคกลางและภาคเหนือ ตามลำดับ ด้านการลงทุนจากชาวต่างชาติพบว่า มีมูลค่าการลงทุน 834 ล้านบาทแบ่งเป็น แอนิเมชั่น/คาแร็กเตอร์ 272 ล้านบาทเกม 422 ล้านบาท และ e-Book 139 ล้านบาทประเทศที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 3 ลำดับแรกได้แก่ มาเลเซีย 172 ล้านบาท ญี่ปุ่น 146 ล้านบาทและฮ่องกง 117 ล้านบาท
หากวิเคราะห์ในเชิงลึกจะพบว่า ธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์ของไทยประเภท e-Book (คิดเป็น48% ของธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์ทั้งหมด) เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงสร้างรายได้และกำไรได้ดีที่สุดโดยปี 2566 กลุ่ม e-Book มีมูลค่าอุตสาหกรรม3,971 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการผลิตและบริโภคในประเทศ สร้างรายได้ 3,162 ล้านบาท กำไร107 ล้านบาท เป็นการขยายตัวของธุรกิจรองรับอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ที่เปลี่ยนผ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์เข้าสู่โลกออนไลน์ และการปิดตัวของร้านหนังสือส่งผลให้ผู้คนเปลี่ยนจากอ่านหนังสือเป็นเล่มมาเป็นการอ่านผ่านเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่สะดวกมีเนื้อหาที่หลากหลายเข้าถึงได้ง่ายตามความสนใจ
นอกจากนี้กลุ่มคาแร็กเตอร์ ก็เป็นที่น่าจับตามอง เพราะเริ่มมีนักออกแบบคาแร็กเตอร์ชาวไทยที่สร้างผลงานให้เป็นที่รู้จักอย่าง Plaplatootoo ซึ่งได้รับไอเดียมาจากปลาทูแม่กลอง และบางรายยังสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศและยังเชื่อมโยงกับธุรกิจ Art Toy ที่กำลังเป็นกระแสนิยม กลุ่มคาแร็กเตอร์ยังต่อยอดไปสู่การผลิตสินค้า merchandise ประเภทต่างๆ เช่น การสร้างคาแร็กเตอร์ของ Butter Bear หรือหมีเนย ที่เริ่มต้นจากร้านขนมที่สื่อสารผ่านมาสคอตคาแร็กเตอร์หมี จนเป็นที่โด่งดังและมีสินค้าที่เป็นตัวแทนของ Butter Bear ออกสู่ตลาดตามมา
จากความท้าทายที่กล่าวมาข้างต้นยังมีโอกาสให้นักลงทุนไทยได้คว้าไว้ เมื่อรัฐบาลให้ความสำคัญกับธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์จะก่อให้เกิดความคึกคักและสถาบันทางการเงินก็จะเปิดโอกาสให้ธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ง่ายขึ้นจากเดิมที่ไม่เป็นที่น่าสนใจมากนัก นักธุรกิจและผู้ที่อยู่ในสายงานออกแบบนี้ต้องเร่งพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อให้ทันต่อการเติบโตของธุรกิจ เมื่อเกิดการแข่งขันกันมากขึ้นก็จะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ส่งผลให้ธุรกิจขนาดเล็กมีโอกาสมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี