27 ธ.ค.67 จากกรณีที่ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะครบวาระในวันที่ 30 ก.ย.68 นี้ โดยเจ้าตัวยืนยันที่จะไม่ต่อวาระการดำรงผู้ว่าฯ ธปท. ทำให้ขณะนี้แวดวงการเงินการคลังของประเทศ ต้องโฟกัสไปที่กระบวนการสรรหาผู้ว่าฯ ธปท.คนใหม่ ที่ต้องมีการเปิดรับสมัครก่อน 4 เดือนที่จะครบวาระ
ท่ามกลางข่าวสะพัดมาตลอดว่า การที่รัฐบาลต้องการที่จะล็อคตัว"ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"เป็นคนของฝ่ายการเมืองนั้น แท้จริงแล้วเพื่อวางแผนเคาะเลือก"ผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนใหม่" ซึ่งมีนัยต่อทิศทางนโยบายการเงินและการควบคุมเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ
แม้ว่าตอนนี้กระบวนการอุ้ม"กิตติรัตน์ ณ ระนอง"ขึ้นเป็นประธานบอร์ด ธปท.จะตกม้าตายกลางคันเนื่องจากกฤษฎีกาชี้ขาดแล้วว่า "กิตติรัตน์"ขาดคุณสมบัติ ทำให้คลังเตรียมชงชื่อใหม่ ซึ่งกำลังเป็นที่จับตาอีกเช่นกันว่า ใบสั่งการเมืองจะลงจิ้มที่ใคร??? แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า ฝ่ายการเมืองไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่
คราวนี้ลองมาดูกระบวนการคัดเลือกผู้ว่า ธปท.กันดูบ้าง
1.) ช่วงเดือน มกราคม ทาง ธปท.แจ้ง รมว.คลัง เพื่อทราบถึงการใกล้ครบวาระของผู้ว่า ธปท.
2. ช่วงเดือน กุมภาพันธ์ -เมษายน ทาง รมว.คลัง ตั้งคณะกรรมการคัดเลือก 7 คน (ที่มาเช่นเดียวกับกรรมการคัดเลือก กกธ. คือ แต่งตั้งจากบุคคลซึ่งเคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตติ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) + ตั้งคนที่ทำหน้าที่เลขาคณะกรรมการคัดเลือก
3. ช่วงเดือน เมษายน-พฤษภาคม คณะกรรมการคัดเลือกนัดประชุม และเริ่มประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการพิจารณาคัดเลือกให้เป็นบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่าการ ธปท. (ปิดประกาศที่ ก.คลัง และ ธปท. + ลงประกาศ นสพ. และ website) โดยที่ผ่านมาจะปิดประกาศและเปิดรับสมัครประมาณ 14 วัน
4.ช่วงเดือน พฤษาคม-มิถุนายน เมื่อครบเวลาที่รับสมัคร เลขานุการคณะกรรมการคัดเลือก ตรวจสอบลักษณะต้องห้าม และ คณะกรรมการคัดเลือกจะประชุมเพื่อพิจารณาคุณสมบัติ
คุณสมบัติทั่วไป มีสัญชาติไทย มีอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ในวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเสนอชื่อเพื่อทรงแต่งตั้ง มีความรู้ความสามารถ และความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ หรือด้านการเงินการธนาคาร รวมทั้งมีความรู้ความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ด้านอื่นอันจะเป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ผู้ว่าการ ธปท. สามารถทำงานให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เต็มเวลา สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีจากสถาบันการศึกษาที่ สำนักงาน ก.พ. รับรอง และไม่มีลักษณะต้องห้าม
คุณสมบัติเฉพาะตัว
• มีความรู้ความเข้าใจด้านเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ และภาวะเศรษฐกิจการเงินของโลกเป็นอย่างดี
• มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนโยบายการเงิน นโยบายการก ากับดูแลสถาบันการเงิน และนโยบายเกี่ยวกับระบบ การชำระเงินเป็นอย่างดี
• มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการองค์กรตามกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังนี้
- ในกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารส่วนราชการ ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองอธิบดีหรือเทียบเท่า
- กรณีเป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารส่วนเอกชน ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำหว่าหนึ่งระดับถัดจากผู้บริหารสูงสุดของ องค์กรที่บริหารเงินและสินทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง
- ในกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐหรือองค์กรระหว่างประเทศ ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าหนึ่งระดับถัดจากผู้บริหารสูงสุดขององค์กร
5. ช่วงเดือน มิถุนายน คณะกรรมการคัดเลือกดำเนินการคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อ ไม่น้อยกว่า 2 ไม่เกิน 3 เพื่อเสนอต่อ รมว. คลัง ก่อน ผว. ครบวาระไม่น้อยกว่า 90 วัน (3 ก.ค.) ทั้งนี้ อาจกำหนดให้ผู้ที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติแล้วแสดงวิสัยทัศน์ด้วยก็ได้
6. ช่วงเดือน มิถุนายน - สิงหาคม รมว.คลัง เสนอชื่อต่อ ครม. ก่อนที่จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป
ทั้งนี้ น่าสังเกตว่า กระบวนการสรรหาผู้ว่า ธปท.เหมือนคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติ แต่จะเป็นคณะเดียวกันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับ รมว.คลัง แต่โดยสรุปก็คือ รมว.คลังเลือกกรรมการสรรหา (คัดเลือก) ส่งมา 2 -3 คนให้รัฐมนตรีคลัง เลือก 1 คน หากกระบวนการไม่โปร่งใสเปิดเผย ก็คงมีปัญหาแน่!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี