เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2567 เพจเฟซบุ๊ก "The Publisher" ได้โพสต์ข้อความระบุว่า เปิดเอกสาร “คลัง” ส่อเจตนาไฮแจ็ก “การบินไทย” ?
ประเด็นร้อนต้นปีหน้าเรื่องหนึ่งคงหนีไม่พ้น กรณีศาลล้มละลายกลางนัดฟังคำสั่งในวันที่ 21 มกราคม ว่า กระทรวงการคลังมีสิทธิโหวตในฐานะเจ้าหนี้ จนผลักดันผู้บริหารแผนฯ เพิ่มเติมจากฝ่ายรัฐอีกสองคนได้หรือไม่
ปมดังกล่าวถูกผูกขึ้นจากความพยายามที่จะเสนอโควตาผู้บริหารแผนฯ ภาครัฐ เพิ่มอีกสองคน ท่ามกลางเสียงทักท้วงของหลายฝ่าย โดยกระทรวงการคลังมีความมุ่งมั่นถึงขั้นทำหนังสือถึงกรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ชะลอการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระ เพื่อคงสถานะความเป็นเจ้าหนี้ของตัวเองไว้
ในเอกสารที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ส่งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อขอให้ชะลอการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วจากการแปลงหนี้เป็นทุนกับกระทรงพาณิชย์ ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน ให้เหตุผลไว้ว่า สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ขอเรียนว่า กระทรวงการคลังในฐานะเจ้าหนี้ของบริษัทการบินไทย จำกัด ได้ทราบว่าบริษัทฯ ได้ยื่นขอจดทะเบียนแปลงหนี้เป็นทุนกับกระทรวงพาณิชย์แล้ว ซึ่งหากมีการแปลงหนี้เป็นทุนก่อนวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 จะมีผลให้กระทรวงการคลังในฐานะเจ้าหนี้เสียสิทธิในการลงมติออกเสียงในการพิจารณาต่างๆ สำหรับการประชุมเจ้าหนี้ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ดังนั้น เพื่อไม่ให้กระกระทรวงการคลังเสียสิทธิในการลงมติออกเสียงสำหรับการประชุมเจ้าหนี้ที่จะมีขึ้นในวันดังกล่าว จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาการจดทะเบียน เปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วจากการแปลงหนี้เป็นทุนของบริษัทฯ ภายหลังการประชุมเจ้าหนี้ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรมกับกระทรวงการคลังในฐานเจ้าหนี้ของบริษัทฯ ต่อไป
การทำหนังสือนี้ถึงกระทรวงพาณิชย์แสดงให้เห็นว่า ผู้ทำหนังสือรู้อยู่แก่ใจว่าได้มีการแปลงหนี้เป็นทุน เรียบร้อยแล้วและจะไม่มีสิทธิ์โหวต แต่ออกหนังสือด้วยเจตนาที่ไม่ชอบเป็นการละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบหรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือไม่ เพราะการชะลอการจดทะเบียนดังกล่าว ทำให้เกิดความเสียหายแก่การบินไทยอย่างน้อยคือต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละสองล้านบาท และมีความเสี่ยงที่เปิดโอกาสให้กระทรวงคมนาคมโดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม และกระทรวงการคลังโดยนายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกฯและรมว.คลัง ส่งคนเข้ามาเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ อีกสองคน คือ นายปัญญา ชูพานิช ผอ.สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งแบะจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม และนายพลจักร นิ่มวัฒนา รองผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ซึ่งจะส่งผลให้คนจากรัฐบาลกุมเสียงข้างมาก 3 ใน 5 ของผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ ตามที่มีการเสนอโควตาเพิ่มเข้ามาใหม่ จนทำให้เกิดความห่วงใยว่าการเมืองจะเข้าไปแทรกแซงการบินไทยจนเกิดปัญหาเจ๊งอีก ทั้งที่เพิ่งจะฟื้นตัวได้ไม่นาน
โดยหลังมีการทำหนังสือขอให้ชะลอการขึ้นทะเบียนดังกล่าว ทำให้การบินไทยมีหนังสือไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คัดค้านเพราะเห็นว่าเป็นการร้องขอจากเจ้าหนี้รายเดียว ไม่มีเหตุให้ต้องชะลออีกทั้งยังทำให้การบินไทยต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มวันละ 2 ล้านบาท พร้อมระบุหากมีความเสียหายเกิดขึ้นจะฟ้องทั้งแพ่งและอาญา ตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าก็ไม่นำพา ชะลอการขึ้นทะเบียน เพื่อคงสิทธิการเป็นเจ้าหนี้ให้กับกระทรวงการคลังได้เข้าไปโหวต และสุดท้ายก็ผลักดันจนสองรายชื่อที่เสนอเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ ใหม่ได้สำเร็จ ด้วยคะแนนที่ชนะกันเฉียดฉิวที่ ร้อยละ 50.4 และไม่เห็นชอบ 49.6 หรือชนะกันเพียงแค่ร้อยละ 0.8 เท่านั้น โดยหลังชนะโหวตได้ตารมปรารถนา ก็มีการไปยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในวันเดียวกันให้ขึ้นทะเบียนได้
เหตุการณ์นี้ทำให้มีเจ้าหนี้รายอื่น 8 รายยื่นคัดค้านต่อศาลล้มละลายไม่ให้รับรองมติดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าในทางปฏิบัติการแปลงหนี้เป็นทุนมีผลเปลี่ยนสถานะกระทรวงการคลังพ้นจากความเป็นเจ้าหนี้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน โดยศาลล้มละลายกลางพิจารณาครั้งแรกวันที่ 12 ธันวาคม ก่อนจะเลื่อนฟังคำสั่งเป็นวันที่ 21 มกราคม 68
ปิยสวัสดิ์ อมระนันท์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฯ ระบุว่า หากวันที่ 21 ม.ค. 68 ศาลฯชี้ว่าการประชุมเจ้าหนี้เมื่อ 29 พ.ย.67 ไม่ชอบด้วยกฎหมายจะส่งผลให้มติเป็นโมฆะ แต่หากชี้ว่าเห็นชอบการประชุมเจ้าหนี้ก็เดินตามขั้นตอนต่อไป หรือศาลฯอาจจะชี้ไม่เห็นชอบในแต่ละวาระ จากทั้งหมด 3 วาระ
โดยคำคัดค้านของเจ้าหนี้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ต้องชี้แจง และหากต้องการก็สามารถขอหมายศาลเรียกข้อมูลจากบริษัท ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นฝ่ายกำหนดวันประชุมเจ้าหนี้ ถ้าศาลบอกว่าที่เราบอก 25 พ.ย.ถูกต้องแล้ว ความเสียหายที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละ 2 ล้านบาทก็ไม่เกิดขึ้น ก็ไม่ต้องยื่นฟ้องกระทรวงพาณิชย์
ต้นปีหน้าจึงมีเรื่องให้ลุ้นระทึกอีกระลอกสำหรับ “การบินไทย” จบอย่างไร 21 ม.ค. รู้เรื่อง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี