นางสาวสุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัทเทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด หรือ TERRABKK เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการสำรวจทำเลทองปี 2568 พบว่ามี 4 พื้นที่รอบนอกใกล้กรุงเทพฯที่น่าจะเห็นการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์หรือความเป็นชุมชนมากกว่าปัจจุบัน คือ บางนา-ลาดกระบัง, รามคำแหง-บางกะปิ, รังสิต-คูคต และเกษตร-รามอินทรา โดยดูจากผู้บริโภคที่ยังเชื่อมั่นในการซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ แม้จะกังวลเรื่องเศรษฐกิจ แต่สัญญาณยังบวก เพราะผู้บริโภคมองว่ารายได้น่าจะดีขึ้นแม้เศรษฐกิจไม่ดี ดังนั้น การตัดสินใจซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัยก็ยังทำได้ ไม่ถึงขั้นต้องรัดเข็มขัด
ส่วนการสำรวจภาพรวมตลาดทาวน์โฮม บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว ในปี 2567 พบว่ามีความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง หากแยกตามทำเล โดยเริ่มจากทาวน์โฮม มีแนวโน้มกระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในทำเลรามอินทรา-มีนบุรี มีความต้องการมากที่สุด ซึ่งขับเคลื่อนด้วยรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีส้ม โดยมีอัตราการดูดซับอยู่ที่ 7-12 หน่วยต่อเดือนต่อโครงการ ราคาต่อหน่วยเฉลี่ย 2.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.8% เมื่อเทียบกับปี 2566 รองลงมาคือ บางแค-เพชรเกษม มีอัตราการดูดซับ 7-10 หน่วยต่อเดือนต่อโครงการ ราคาต่อหน่วยเฉลี่ย 2.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3% ปัจจัยขับเคลื่อนคือรถไฟฟ้าใต้ดิน
ส่วนอันดับ 3 คือ บางนา-บางบ่อ ซึ่งได้รับประโยชน์จากที่อยู่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมบางพลีและเวลโกรว์ อัตราการดูดซับอยู่ที่ 4-9 หน่วยต่อเดือนต่อโครงการ ราคาต่อหน่วยเฉลี่ย 2.49 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1% อันดับ 4 คือ พุทธมณฑล-ศาลายา มีอัตราการดูดซับ 2-9 หน่วยต่อเดือนต่อโครงการ ราคาต่อหน่วยเฉลี่ย 2.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% อันดับ 5 คือ รังสิต-ปทุมธานี โดยเฉพาะย่านราชพฤกษ์-345 มีอัตราการดูดซับ 5-8 หน่วยต่อเดือนต่อโครงการ ราคาต่อหน่วยเฉลี่ย 2.39 ล้านบาท ลดลง 1%
ในขณะที่ทำเลที่ได้รับความนิยมสำหรับบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในปี 2567 ส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันตกของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะบางใหญ่-บางบัวทอง และเพชรเกษม-บางบอน โดยบางใหญ่-บางบัวทอง โดยเฉพาะที่ตั้งใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต มีอัตราการดูดซับ 3.1-6.7 หน่วยต่อเดือนต่อโครงการ ราคาต่อหน่วยเฉลี่ย 4.99 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปี 2566
อันดับที่ 2 คือ สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ ทางตอนใต้ของกรุงเทพฯ เพราะอยู่ใกล้กับทางด่วนวงแหวน อัตราการดูดซับอยู่ที่ 3-6 หน่วยต่อเดือนต่อโครงการ ราคาต่อหน่วยเฉลี่ย 6.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% อันดับที่ 3 คือ เพชรเกษม-บางบอน มีอัตราการดูดซับ 3-5 หน่วยต่อเดือนต่อโครงการ ราคาต่อหน่วยเฉลี่ย 6.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% อันดับ 4 คือ รามอินทรา-มีนบุรี มีอัตราการดูดซับ2.3-4.5 หน่วยต่อเดือนต่อโครงการ ราคาต่อหน่วยเฉลี่ย 5.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%อันดับ 5 คือ สมุทรปราการ-บางนา มีอัตราการดูดซับ 3-4 หน่วยต่อเดือนต่อโครงการ ราคาต่อหน่วยเฉลี่ย 5.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3%
นางสาวสุมิตรา กล่าวว่า สำหรับตลาดบ้านหรู (หมายถึงหน่วยที่มีราคามากกว่า 30 ล้านบาท) พบว่ามีความต้องการเพิ่มขึ้นในปี 2565 และปี 2567 โดยมีการจัดหาใหม่จำนวน 1,068 หน่วย และ 1,688 หน่วย ในปี 2565 และปี 2566 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับ 178- 367หน่วยต่อปีในระหว่างปี 2558 และปี 2564ซึ่งแนวโน้มนี้ยังคงเติบโตต่อเนื่องในปี 2567ด้วยจำนวน 998 หน่วย จาก 34 โครงการที่เปิดตัวในช่วง 11 เดือนแรก ในจำนวนนี้4 โครงการมีราคาต่อหน่วยเกิน 100 ล้านบาทจำนวน 27 หน่วย และ 2 โซนที่ร้อนที่สุดคือ บางแค-ศาลายา-ราชพฤกษ์ มีอัตราการดูดซับ 1.6-2.5 หน่วยต่อเดือนต่อโครงการตามมาด้วยเกษตรนวมินทร์-รามอินทรา อัตราการดูดซับ 0.8-2.4 หน่วยต่อเดือนต่อโครงการ และสมุทรปราการ-บางนา-ลาดกระบัง มีอัตราการดูดซับ 1.4-2 หน่วยต่อเดือนต่อโครงการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี