นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.)กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้วิเคราะห์ผลกระทบของการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไป หลังจากราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่1 มกราคม 2568 ที่แบ่งเป็น 17 อัตรา เพิ่มในอัตราวันละ7-55 บาท เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2.9% อัตราสูงสุด คือ วันละ400 บาท และต่ำสุด คือ วันละ 337 บาท พบว่า จะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ 0.15-0.30% ทำให้อัตราเงินเฟ้อในปี 2568 จะยังอยู่ในช่วง 0.3-1.3% ค่ากลาง0.8% ตามที่สนค. ได้คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนธันวาคม 2567
สนค.ได้แบ่งกลุ่มสินค้าและบริการที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำออกเป็น 6 กลุ่มพบว่าการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำครั้งนี้ มีผลต่ออัตราเงินเฟ้อค่อนข้างน้อย เนื่องจากปัจจัยด้านมาตรการช่วยเหลือลดค่าครองชีพของภาครัฐ รวมทั้งอุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
ทั้งการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ และลดภาระหนี้สินครัวเรือน ทำให้การจับจ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้และกำไรสุทธิของผู้ประกอบการ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการ
กลุ่มที่ 1 สินค้าและบริการที่มีการกำกับดูแลโดยภาครัฐ คิดเป็น 22% ของน้ำหนักสินค้าและบริการในตะกร้าเงินเฟ้อ ได้แก่ ค่าน้ำประปา ค่ากระแสไฟฟ้า น้ำมันดีเซล แก๊สโซฮอล์ ค่าการศึกษา ค่าทางด่วนค่าเดินทางสาธารณะ และค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น การปรับราคาสินค้าและบริการเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับมาตรการภาครัฐ การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำครั้งนี้ จะไม่ส่งผลให้สินค้าและบริการในหมวดนี้ปรับตัวสูงขึ้น
กลุ่มที่ 2 สินค้าและบริการที่มีการผลิตในระบบอุตสาหกรรม และเป็นสินค้าที่มีการใช้ในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ คิดเป็น 25% ของน้ำหนักสินค้าและบริการในตะกร้าเงินเฟ้อ ได้แก่ สินค้าในหมวดเครื่องประกอบอาหาร (น้ำตาล เกลือ น้ำมันพืช)เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (น้ำดื่ม กาแฟ น้ำหวาน) ของใช้ส่วนบุคคล (ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม แปรงสีฟัน กระดาษชำระ) และสินค้าคงทนต่างๆ (เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ รถจักรยานยนต์) เนื่องจากกระบวนการผลิตของสินค้าส่วนใหญ่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม ใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรในการผลิตใช้แรงงานขั้นต่ำน้อย ทำให้อาจจะไม่มีการปรับเพิ่มราคาสินค้าตามการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ
กลุ่มที่ 3 สินค้าที่มีการใช้แรงงานสูงแต่การส่งผ่านราคาสู่ผู้บริโภคไม่มากนัก คิดเป็น 22% ของน้ำหนักสินค้าและบริการในตะกร้าเงินเฟ้อ ได้แก่ สินค้าภาคการเกษตร ทั้งผักสด ผลไม้สด พืชไร่ และปศุสัตว์ เนื่องจากมีการใช้แรงงานในสัดส่วนที่สูง แต่ไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาสินค้าได้ เนื่องจากราคาสินค้าถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทาน การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจะไม่ส่งผลให้สินค้าในหมวดนี้เพิ่มขึ้น แต่ภาครัฐควรมีนโยบายดูแลเพราะมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบให้รายได้สุทธิลดลง
กลุ่มที่ 4 สินค้าและบริการที่มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ คิดเป็น 16% ของน้ำหนักสินค้าและบริการในตะกร้าเงินเฟ้อ ได้แก่ อาหารสำเร็จรูป (บริโภคในบ้านและบริโภคนอกบ้าน) โดยเฉพาะอาหารจานด่วน อาหารตามสั่ง ข้าวราดแกง และกับข้าวเป็นถุง มีต้นทุนการใช้แรงงานสูง ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กที่มีความสามารถรองรับการเพิ่มขึ้นของต้นทุนได้ต่ำ ส่วนต้นทุนอื่น ๆ ของอาหารสำเร็จรูปในปี 2568 มีแนวโน้มลดลง ทั้งราคาผักสดที่ลดลงจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยในการเพาะปลูก ไข่ไก่ที่ราคายังมีแนวโน้มลดลง เนื้อสุกรที่ปรับราคาสูงขึ้นไม่มาก รวมทั้งเครื่องประกอบอาหารมีแนวโน้มทรงตัว การปรับเพิ่มขึ้นของค่าจ้างขั้นต่ำจะส่งผลกระทบต่ออาหารสำเร็จรูปไม่สูงมากนัก
กลุ่มที่ 5 ค่าเช่าบ้านและที่พักอาศัย คิดเป็น 14% ของสินค้าและบริการในตะกร้าเงินเฟ้อ โดยการปรับขึ้นค่าเช่าบ้านและที่พักอาศัยขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านอุปสงค์และอุปทานมากกว่าการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ประกอบกับในปี 2568 ภาคอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มฟื้นตัวต่ำจะเป็นปัจจัยกดดันให้ค่าเช่าบ้านและที่พักอาศัยยังอยู่ในระดับต่ำหรืออาจไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ
กลุ่มที่ 6 ค่าบริการที่มีการใช้แรงงานมีฝีมือหรือทักษะสูง คิดเป็น 1% ของน้ำหนักสินค้าและบริการในตะกร้าเงินเฟ้อ ได้แก่ ค่าตัดผม ค่าแรงช่างไฟฟ้าค่าแรงช่างประปา ค่าแรงช่างก่อสร้าง ค่าบริการล้างแอร์ ค่าดูแลผู้สูงอายุ ค่าคนรับใช้ คนทำงานบ้าน และค่าจ้างเฝ้าไข้ผู้ป่วย เป็นต้น ในภาพรวมค่าแรงหรือค่าจ้างในภาคบริการเหล่านี้ สูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำอยู่แล้ว การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะส่งผลให้ค่าบริการเหล่านี้ปรับเพิ่มไม่มาก หรืออาจไม่มีการปรับขึ้นค่าบริการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี