นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 5,682 ราย ซึ่งครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม (CCI) เดือนธันวาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 51.6 ยังคงอยู่ในช่วงเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4
ทั้งนี้ สะท้อนว่าประชาชนมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากภาครัฐมีการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นส่งเสริมการบริโภคของประชาชน ควบคู่กับการสนับสนุนภาคธุรกิจ การส่งออกไทยที่เติบโตได้ดี รวมทั้งการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมธุรกิจบริการและเพิ่มรายได้ให้กับประเทศอย่างมีนัยสำคัญ
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนธันวาคม 2567 ยังคงอยู่ในช่วงเชื่อมั่นหรือมีค่ามากกว่าระดับ 50 โดยอยู่ที่ระดับ 51.6 แม้จะปรับตัวลดลงจากระดับ 53.2 ในเดือนก่อนหน้า ปัจจัยที่ส่งผลให้ดัชนียังคงอยู่ในช่วงเชื่อมั่น เนื่องจาก 1.ภาครัฐมีการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ต้องการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย แก้ปัญหาหนี้สิน และกระตุ้นการลงทุน อาทิ มาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย ผ่านกิจกรรมลดราคาสินค้าและบริการ และการแจกส่วนลดสินค้าบนแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ รวมถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและธุรกิจ SMEs
2.ภาคการท่องเที่ยวมีการขยายตัวในช่วงปลายปีและเทศกาลปีใหม่ รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ อาทิ โครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง และการจัดงานเฟสติวัลในช่วงเทศกาล ช่วยสนับสนุนธุรกิจบริการ ฟื้นฟูการท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค และเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ และ 3.การส่งออกของไทยเติบโตได้อย่างมีศักยภาพโดยเฉพาะสินค้าเทคโนโลยี และความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารในตลาดโลกที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง
โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค พบว่าด้านเศรษฐกิจไทยส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากที่สุด คิดเป็น 49.54% รองลงมาคือ มาตรการของภาครัฐ 13.62% สังคม/ความมั่นคง 8.03% เศรษฐกิจโลก7.55% ราคาสินค้าเกษตร 7.34% การเมือง 5.61% ผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 4.28% ภัยพิบัติ/โรคระบาด 3.01%และปัจจัยอื่นๆ 1.02% ตามลำดับ
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายภูมิภาค จำนวน 5 ภูมิภาค พบว่า ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น 3 ภาค ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 55.3 กรุงเทพฯและปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 54.1 และภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 50.5 โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้มีความเชื่อมั่นคือ เศรษฐกิจไทย สังคม/ความมั่นคง มาตรการของภาครัฐ และเศรษฐกิจโลก ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของภาคใต้และภาคกลาง อยู่ต่ำกว่าระดับความเชื่อมั่นเล็กน้อย โดยอยู่ที่ระดับ 49.1 และระดับ 48.7 ตามลำดับ
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายอาชีพ จำนวน 7 อาชีพ พบว่า ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น 5 อาชีพ ได้แก่ พนักงานของรัฐ อยู่ที่ระดับ 55.0 ผู้ประกอบการ อยู่ที่ระดับ 53.4 นักศึกษา อยู่ที่ระดับ 52.8 เกษตรกร อยู่ที่ระดับ 51.0 และพนักงานเอกชนอยู่ที่ระดับ 50.8 ยกเว้นอาชีพรับจ้างอิสระ อยู่ที่ระดับ 49.5 และไม่ได้ทำงาน/บำนาญ อยู่ที่ระดับ 45.6 สำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยอยู่ที่ระดับ 42.3
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมปี 2567 อยู่ในช่วงเชื่อมั่นเกือบตลอดทั้งปี จากปัจจัยหลักที่สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก รวมถึงมาตรการภาครัฐในการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพเช่น การปรับลดค่ากระแสไฟฟ้า การตรึงราคาน้ำมันดีเซล และโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่ช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม ความเชื่อมั่นปรับลดลงมาอยู่ระดับต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่นเล็กน้อย เนื่องจากประชาชนมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า ภาระค่าครองชีพและภาระหนี้สินที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงปัญหาอุทกภัย ซึ่งสร้างความเสียหายต่อที่อยู่อาศัยและพื้นที่เกษตรกรรมในหลายพื้นที่
“ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในอนาคตว่ามีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้น โดยมาตรการของภาครัฐที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และครอบคลุมทั้งมิติเศรษฐกิจและสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน มีส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่น ทั้งนี้มาตรการช่วยเหลือลดค่าครองชีพ การแก้ไขปัญหาหนี้สินของภาคครัวเรือนและธุรกิจ รวมถึงการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ จะช่วยกระตุ้นการบริโภคและเพิ่มความเชื่อมั่นของประชาชนในระยะต่อไป” นายพูนพงษ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี