นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ได้มอบหมายให้ นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ หารือกับ Mr.Keshab Mahantaรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สรรพากร และการจัดการภัยพิบัติ แห่งรัฐอัสสัม รัฐที่มีอัตราเติบโตสูงรัฐหนึ่งของอินเดีย ตั้งอยู่ตะวันออกเฉียงเหนือใกล้ชายแดนเมียนมา
นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ ให้ความสำคัญกับการค้าระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งไทยมีศักยภาพในอุตสาหกรรมใหม่อย่างแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) อินเดียและไทยสามารถนำศักยภาพมาเสริมกันเพื่อเชื่อมต่อการผลิต PCB และบริการที่เกี่ยวข้องได้ ตนเชิญชวนผู้ประกอบการจากรัฐอัสสัมมาเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในไทย อาทิ งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ (Bangkok Gems and Jewelry Fair) ครั้งที่ 71 งานแสดงสินค้า THAIFEX - HOREC Asia 2025 งาน STYLE Bangkok งานแสดงสินค้าอาหาร 2568 (THAIFEX - ANUGA ASIA 2025) และงาน TILOG – Logistix 2025 เป็นต้น และกิจกรรมที่กระทรวงพาณิชย์จะจัดขึ้นในประเทศอินเดีย อาทิ งานแสดงสินค้า Thailand Week ณ เมืองบังกาลอร์และเมืองเจนไน งาน Top Thai Brands ณ กรุงนิวเดลี เป็นต้น เพื่อเป็นโอกาสในการพบปะเจรจาธุรกิจ และได้เสนอให้มีการเชื่อมโยงเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่และสตาร์ทอัพ รวมถึงมหาวิทยาลัยของทั้งสองฝ่าย เพื่อปูทางไปสู่การค้าและการลงทุนร่วมกันของ SMEs รุ่นใหม่ต่อไปในอนาคต
โดยรัฐมนตรีฯ ของอัสสัมได้หารือถึงลู่ทางการขยายการค้าและการลงทุนไปสู่เขตเศรษฐกิจในรัฐอัสสัมที่เป็นศูนย์กลางของรัฐต่างๆ ที่รวมเรียกว่ารัฐ 7 สาวน้อยของอินเดีย ซึ่งทางรัฐอัสสัมได้เชิญชวนให้ผู้ประกอบการไทยให้เดินทางไปสำรวจโอกาสการลงทุนในรัฐอัสสัม โดยจะมีการจัดงานส่งเสริมการลงทุนชื่อ Assam Advantage 2.0 : Investment and Infrastructure Summit ระหว่างวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ 2568 ที่เมืองกวาฮาตีของรัฐอัสสัม โดยเฉพาะภาคการก่อสร้างเพื่อรองรับการเขตอุตสาหกรรมต่างๆ เชิญชวนให้เอกชนไทยเข้าไปร่วมพัฒนาและลงทุนในสาขาที่รัฐอัสสัมมีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นต้น กระทรวงพาณิชย์ยินดีจะประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกอบการไทย รวมถึงพร้อมให้การสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล อาทิ ศูนย์การจัดเก็บข้อมูล (Data Center) เพื่อใช้ในการจัดการทรัพยากร การจัดการภัยพิบัติ และการพัฒนาด้านอื่นๆ ของอัสสัม ทั้งนี้ทางรัฐอัสสัมยินดีที่จะอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ แก่นักลงทุนไทยด้วย
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า อินเดียเป็นคู่ค้าลำดับที่ 11 ของไทย และเป็นคู่ค้าลำดับที่ 1 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ ไทยและอินเดียมีการค้าสินค้าอุตสาหกรรมขั้นกลางระหว่างกันจำนวนมาก ซึ่งอินเดียนำไปต่อยอดการผลิตเป็นสินค้าต่างๆ เพื่อใช้ภายในประเทศและส่งออก การค้าไทยและอินเดียจึงมีลักษณะเป็นห่วงโซ่อุปทานระหว่างกันในภูมิภาคในปี 2567 (มกราคม-พฤศจิกายน 2567) ไทยและอินเดียมีการค้ารวม 15,797.32 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 6.06% ไทยส่งออกไปยังอินเดีย 10,497.46 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 12.35% สินค้าส่งออก 10 อันดับแรก ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ทองแดงและของที่ทำด้วยทองแดง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี