ค่ายใบพัดฟ้าขาว เผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ ภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2024 ที่ผ่านมา โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่กลับมา สืบสานตำนานแห่งสมรรถนะ 40 ปีเต็ม รุ่นล่าสุดในเจเนอเรชั่นที่ 7 ที่นำระบบส่งกำลังแบบไฮบริดมาปรับใช้เป็นครั้งแรกในรถซีดานตัวแรงในตำนานรุ่นนี้

บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ ถูกออกแบบในสไตล์สปอร์ตตัวแรง ด้วยซุ้มล้อและสเกิร์ตข้าง ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ M ขนาด 20 นิ้วคู่หน้า และ 21 นิ้วที่คู่หลัง ดีไซน์ Double spoke สีดำ กันชนหน้า มีเส้นสายบึกบึน และโลโก้ “M5”ที่ประทับนูนอยู่บนส่วน Hofmeister kink

ขณะที่ห้องโดยสารตกแต่งสไตล์ M อาทิ พวงมาลัยหนัง M ดีไซน์ใหม่ รูปทรงตัดขอบล่าง พร้อมปุ่ม M แบบมีไฟส่องสว่าง เบาะนั่ง M multifunction และจอแสดงผลโค้ง BMW Curved Display ระบบควบคุม BMW iDrive เวอร์ชั่นอัปเกรด สามารถโต้ตอบกับระบบต่างๆ ของรถผ่านการสัมผัส และการสั่งด้วยเสียงเบาะหนัง Merino ระบบควบคุม BMW Interaction Bar ระบบปรับอากาศแบบ 4 โซน และชุดไฟห้องโดยสาร ที่ออกแบบมาพิเศษ แผงควบคุมบนคอนโซลกลางบีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ ประกอบด้วยปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นเฉพาะรุ่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเลือกโหมดทำงานของเครื่องยนต์ระบบ Drivelogic ช่วงล่าง พวงมาลัย เบรก หรือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive รวมถึงระบบสร้างพลังงานคืนจากเบรก (brake energy regeneration) โดยการตั้งค่าเป็นพรีเซ็ตได้สองแบบ เพื่อเรียกใช้งานได้ทันที ผ่านปุ่ม M บนพวงมาลัย และขณะเปลี่ยนโหมดการขับขี่ จากโหมด ROAD ซึ่งเป็นโหมดมาตรฐาน เป็น SPORT ด้านความสะดวกสบายและความบันเทิง มาพร้อมระบบเสียง Bowers & Wilkins Surround Sound แท่นชาร์จไร้สาย ระบบ Comfort Access และระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ

สำหรับปุ่ม M Hybrid สามารถเลือกระหว่างโหมด HYBRID ที่ผสมผสานพละกำลังจากเครื่องยนต์สันดาปกับมอเตอร์ไฟฟ้า โหมด ELECTRIC ที่จะใช้งานเครื่องยนต์สันดาปเฉพาะ เมื่อผู้ขับเหยียบคันเร่งจนสุดหรือใช้แป้นเปลี่ยนเกียร์เท่านั้น ส่วนโหมด eCONTROL เน้นการดึงพลังงานคืนจากระบบเบรก เพื่อรักษาระดับแบตเตอรี่ให้คงที่ และเมื่อกดปุ่ม DSC ตัวรถจะเปิดใช้งาน M Dynamic Mode ช่วยควบคุมระบบเบรก และลดกำลังเครื่องยนต์ หรืออาจเลือกปิดการทำงาน DSC ก็ได้เช่นกัน ขณะที่ระบบ M Drive Professional จะเปิดให้ผู้ขับขี่เลือกโหมด TRACK และใช้งานฟีเจอร์เพิ่มเติม ที่เน้นการขับขี่ที่ระดับสมรรถนะสูงสุดอย่าง M Laptimer และ Boost Control

ขุมพลังเทคโนโลยี M HYBRID พัฒนาขึ้นสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ ด้วยสมรรถนะจากเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.4 ลิตร เทคโนโลยี M TwinPower Turbo กำลังสูงสุด 430 กิโลวัตต์ / 585 แรงม้า มาจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า และเกียร์ M Steptronic 8 จังหวะ พละกำลังรวมกว่า 535 กิโลวัตต์/727 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,000 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.5 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ถูกจำกัดไว้ที่ 305 กม./ชม. พร้อม M Driver’s Package (สามารถปลดล็อกความเร็วสูงสุด หลังจากขับขี่ไปแล้วไม่ต่ำกว่า2,000 กม.)

ระบบส่งกำลัง M HYBRID ได้นำเทคโนโลยีจากรถแข่งแบบ endurance ของบีเอ็มดับเบิลยูมาปรับใช้ ส่วนระบบท่อไอเสียแบบสปอร์ต ก็ผ่านการปรับแต่งมาอย่างประณีต เพื่อมอบเสียงเครื่องยนต์ที่ทรงพลังสมกับสมรรถนะ รวมถึงปลายท่อไอเสียสี Black Chrome ขนาด 100 มิลลิเมตร ในโหมดการขับขี่แบบไฟฟ้าล้วน บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 140 กม./ชม.

ขณะที่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive พร้อมการปรับแต่งให้เน้นส่งกำลังไปที่ล้อหลัง ผู้ขับขี่ยังสามารถเปิดใช้งานโหมด 2WD เพื่อส่งกำลังไปที่ล้อหลังเท่านั้น พร้อมปิดระบบ DSC (Dynamic Stability Control) เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ฉับไว และเร้าใจที่สุด นอกจากนี้พวงมาลัยแบบ M Servotronic ระบบบังคับเลี้ยวแบบสี่ล้อ Integral Active Steering และช่วงล่าง Adaptive M

บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบช่วยจอดอัตโนมัติที่หลากหลาย ทั้งระบบ Driving Assistance Professional ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบเตือนการออกนอกเลนที่ระบบช่วยหลบหลีกสิ่งกีดขวาง ระบบตรวจจับความตื่นตัวของผู้ขับขี่ และระบบแสดงความเร็วจำกัด รวมถึงฟังก์ชั่น Parking Assistant Professional และ Reversing Assistant ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่จัดการกับทุกพื้นที่จอดรถได้อย่างง่ายดายบีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ ราคา 12,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็กเกจ BSI Standard) และบีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ พร้อมเบรกเซรามิก ราคา 13,699,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็กเกจ BSI Standard)