นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าตามนโยบาย ONE FTI ซึ่งส.อ.ท.ได้มีการขับเคลื่อนและผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมที่เป็นอุตสาหกรรมเดิม (First Industries) เกิดการพัฒนาและส่งเสริมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสู่อุตสาหกรรมใหม่ หรืออุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Next Gen-Industries) ล่าสุด ส.อ.ท.ได้มีการจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมลำดับที่ 47 ได้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยาน การเดินอากาศอัจฉริยะและอวกาศ โดยมีนายอนุกูล แต้มประเสริฐ ประธานกลุ่มฯ
นายเกรียงไกรกล่าวว่าเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันได้รับการขับเคลื่อนด้วยภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก ดังนั้น การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ยกระดับมาตรฐานการผลิตสินค้าให้พร้อมแข่งขันในตลาดสากล จึงเป็นความหวังในการผลักดันภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถก้าวไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) ตามยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลกำหนดได้เร็วขึ้น โดยหนึ่งในนั้นคือ “อุตสาหกรรมอากาศยานไทย”ที่ประเทศไทยมีความพร้อม เพราะมีห่วงโซ่ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินในประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง มีศักยภาพที่จะพัฒนาให้ภาคอุตสาหกรรมนี้เข้มแข็ง สามารถต่อยอดสู่เป้าหมายในการเป็นศูนย์กลาง (Hub) ด้านการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานของโลก
“ส.อ.ท. เล็งเห็นถึงโอกาสและศักยภาพของอุตสาหกรรมการบินและอากาศยานของประเทศไทย จึงได้ดำเนินการจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานการเดินอากาศอัจฉริยะและอวกาศ เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมลำดับที่ 47 เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการบินและอากาศยานของประเทศ ให้สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมโยงร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้อุตสาหกรรมอากาศยานและการบินของไทย มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค” นายเกรียงไกรกล่าว
นอกจากนี้ ส.อ.ท.ได้เปิดตัว “สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์” หรือ Creative Industry and Soft Power Institute (CISPI) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเชื่อมโยงภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวเนื่องในการสร้างระบบนิเวศ (Enabling Ecosystem) ของอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ด้วยซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ซึ่งจะรวมถึงวัฒนธรรม (Culture) ประเพณีที่ตกทอด (Heritage) และภูมิปัญญา (Wisdom) ของไทย เพื่อผลักดันให้เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ (New Growth Engine) ที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ที่เพิ่มคุณค่าและมูลค่าด้วยอัตลักษณ์ไทย ตลอดจนส่งเสริมเรื่องการสร้างแบรนด์ของสินค้าไทยเพื่อให้สามารถแข่งขันในเวทีโลกระยะยาว
นายเกรียงไกรกล่าวว่าเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบมากมายจากการเปลี่ยนแปลงระดับโลกที่สร้างความท้าทายในช่วงเวลาที่ผ่านมา เช่น สงครามการค้า ปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงก้าวกระโดดทางเทคโนโลยี การก่อจารกรรมทางไซเบอร์ เป็นต้นอีกทั้งความท้าทายเหล่านี้ มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไทยปี 2568 ในหลายๆด้านทั้งปัจจัยด้านบวกและลบโดย ส.อ.ท. ตระหนักถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมที่จะกลายเป็นดาวเด่นในปีนี้และอนาคต ซึ่งอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่ขับเคลื่อนด้วยนโยบาย Soft Powerถือเป็นหนึ่งในนั้น เพราะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นแรงส่งทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
“ในแง่ของการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ด้วยซอฟต์พาวเวอร์ไทย ประเทศไทยถือว่ามีความโดดเด่นในเรื่องของวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ การผลิตที่ละเอียดละออ งดงามผ่านความคิดสร้างสรรค์ และไทยมีโอกาสในการสร้างอุตสาหกรรมการผลิตสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 1.46 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี” นายเกรียงไกร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี