นายกฯ และคณะร่วมประชุม WEF พร้อมจับเข่าคุยภาคเอกชนชั้นนำในธุรกิจโลจิสติกส์ - อาหาร/เครื่องดื่ม ยา และสุขภาพของยุโรป มั่นใจดึงนักลงทุนระดับโลกเข้าไทยเป็นจำนวนมาก หลังจากผู้นำไทยโชว์ศักยภาพของประเทศไทย ในหลายเวทีระดับโลกช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 20 ม.ค.68 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการคลัง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางนลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย และนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางถึงเมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส เพื่อเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ประจำปี 2568 แล้ว
โดยในวันพรุ่งนี้ (อังคารที่ 21 มกราคม 2568) ตลอดช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 09.00 -12.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) นายกรัฐมนตรีมีกำหนดพบหารือกับผู้บริหารระดับสูงจาก ภาคเอกชนชั้นนำ ใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ บริษัท DP World ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลก ที่ประกอบกิจการด้านการท่าเรือและอาคารผู้โดยสารต่างๆ รวมทั้งเทคโนโลยีการให้บริการด้านการเดินเรือทะเลและโลจิสติกส์ ที่มีสาขาธุรกิจทั่วโลกมากกว่า 500 แห่งใน 75 ประเทศ และมีพนักงานมากกว่า 1 แสนคน ทั้งนี้เพื่อโอกาสการลงทุน เพื่อการเปลี่ยนแปลงให้ไทยเป็นโลจิสติกส์ฮับ และศูนย์กลางการขนส่งในภูมิภาคนี้ ซึ่งประเทศไทยตั้งอยู่ในภูมิศาสตร์ที่มีศักยภาพในด้านโลจิสติกส์อยู่ระหว่าง 2 คาบมหาสมุทร คือ มหาสมุทรอินเดียและอ่าวไทย โดยเป็นการติดตามและต่อยอดจากการหารือระหว่างอดีตนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสินในคราวการประชุม WEF เมื่อปีที่ผ่านมาด้วย
จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะพบหารือกับผู้บริหารระดับสูงจากกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำของโลก ได้แก่ บริษัท Nestle และบริษัท Coca-Cola เพื่อหารือในโอกาศขยายการลงทุน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องผลักดันการเชื่อมโยงให้ภาคเกษตรของไทยเป็นส่วนหนึ่งของ ผู้ผลิตต่างๆ ในอุตสาหกรรมอาหารสำหรับคนทั้งโลกของไทย ซึ่งบริษัท Nestle เป็นบริษัทจากยุโรปที่เก่าแก่ที่เข้ามาลงทุนในไทยยาวนานกว่า 130 ปี สะท้อน ให้เห็นถึง ศักยภาพด้านอุตสาหกรรมอาหารที่แข็งแกร่งของไทย ขณะที่ Coca-Cola เป็นหนึ่งในบริษัทเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นเจ้าของเครื่องดื่มแบรนด์ดังมากกว่า 200 แบรนด์และเริ่มลงทุนในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 และยังเดินหน้าลงทุนนวัตกรรมใหม่ๆ ในไทย เพื่อพัฒนาธุรกิจ รักษ์สิ่งแวดล้อมในไทยอีกด้วย
ทั้งนี้ ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรียังมีกำหนดการหารือกับกลุ่มอุตสาหกรรมยาและสุขภาพได้แก่ บริษัท Bayer และบริษัท Astrazeneca เพื่อนำเสนอโอกาสและศักยภาพของแรงงานชั้นสูงของไทยในอุตสาหกรรมภาคบริการ ทางการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งรัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ และการบริการด้านสาธารณสุข Wellness and Medical Hub ชั้นนำในภูมิภาค จากนั้นในช่วงค่ำ นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ (Opening Dinner) ซึ่งจัดโดย Professor Klaus Schwab (ศาสตราจารย์ เคล้าส์ ชวาป) ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร WEF ด้วย
“นายกรัฐมนตรีมั่นใจที่จะใช้โอกาสในการเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์และนำเสนอโอกาสและศักยภาพของประเทศ ไทย ให้กับภาคอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก เพื่อขยายการค้าและดึงดูดการลงทุน ให้เชื่อมโยงประเทศไทยเข้าไปอยู่ในหลากหลายกระบวนการผลิตในทุกภาคอุตสาหกรรม (supply chain) ในอุตสาหกรรมชั้นนำต่างๆ ของโลก รวมทั้งจุดประกายให้เกิดการพัฒนาบุคคลากรและนวตกรรมในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อสร้างโอกาสและรายได้ใหม่ๆ ให้กับคนไทยและประเทศไทย” นายจิรายุกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี