นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 50 ปีของการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเพื่อรองรับการลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่มีส่วนสำคัญต่อการสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเลือกพื้นที่และทำเลการลงทุนสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติส่งผลให้เกิดการลงทุนและพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ที่สามารถพัฒนานิคมฯสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมสมบูรณ์แบบ (Perfect City) โดยคำนึงถึงอุตสาหกรรมที่ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
โดยนับตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจจนถึงปี 2567 อมตะได้มีการลงทุนรวมมูลกว่า 250,000 ล้านบาทในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 4 แห่งในประเทศไทย โดยเฉพาะในปี 2567 ถือเป็นปีที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม และในปีนี้ได้มีนักลงทุนที่มีศักยภาพสูงเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมอมตะในประเทศไทยจำนวนมาก อาทิ โรงงานผลิตนาฬิการะดับโลก และศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการจากจีนที่สนใจลงทุนในพื้นที่กว่า 400 ไร่ ส่งผลให้ปี 2567 เป็นปีที่โดดเด่นสำหรับอมตะในการขายที่ดินและดึงดูดนักลงทุนเข้าสู่นิคมฯ อย่างต่อเนื่อง
นายวิกรม กล่าวว่า ปัจจุบัน อมตะมีพื้นที่พัฒนารวมกว่า 93,000 ไร่ ครอบคลุม 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม และ สปป.ลาว พร้อมแผนขยายการลงทุนในพื้นที่ใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนจากหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายในอนาคต อาทิ ดิจิทัล ยานยนต์ไฟฟ้า และศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์
“อมตะมุ่งเน้นการพัฒนาพื้นที่ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยมีแผนงานที่โดดเด่นทั้งด้าน รองรับโรงงานใหม่และการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เน้นให้ความสำคัญกับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุมและยั่งยืน อาทิ การบริหารจัดการน้ำที่มั่นคง สามารถรองรับการใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 3 ปี แม้ในสภาพที่ไม่มีฝนตก รวมถึงการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ และการสนับสนุนโครงการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรแห่งอนาคต”นายวิกรม กล่าว
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในต่างประเทศเพื่อรองรับและตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศเวียดนามและสปป.ลาว โดยเมื่อเร็วนี้อมตะอยู่ระหว่างการศึกษาพัฒนานิคมฯ ใหม่ในจังหวัดฟู้เถาะ ทางตอนเหนือของเวียดนามใกล้ชายแดนจีน ซึ่งตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เชื่อมเส้นทางรถไฟจากเวียดนามสู่จีน ตอบโจทย์อุตสาหกรรมและการขนส่งสินค้าการลงทุนช่วยให้อมตะสร้างฐานการผลิตที่หลากหลาย รองรับความต้องการของนักลงทุนที่มองหาตลาดอาเซียน ซึ่งมีแรงงานฝีมือและต้นทุนการผลิตที่แข่งขันได้ โดยเวียดนามยังเป็นตลาดที่เติบโตสูงที่สุดในภูมิภาค ด้วยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 5-6% ต่อปี
ในขณะที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะในสปป.ลาว มีเป้าหมายที่จะพัฒนาที่ดินในภาคเหนือของสปป.ลาว จำนวน 130,000 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ในแขวงอุดมไช ใกล้สถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงนาหม้อ ห่างจากชายแดนลาว-จีน เพียง 40 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดและสามารถเชื่อมต่อไปยังไทย เวียดนามและพม่าได้ ซึ่งจะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของภูมิภาคและกระตุ้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคบนพื้นที่เฟสแรกจำนวน 6,000 ไร่ เพื่อรองรับการลงทุนคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2568 อมตะเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะดึงดูดนักลงทุนหลากหลายเชื้อชาติ โดยเฉพาะจากจีน พร้อมส่งเสริมเศรษฐกิจและสร้างงานใหม่ให้กับประชาชนใน สปป.ลาว และเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนเชื่อมอาเซียนและจีนตอนใต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี