นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า สำนักงาน กกพ. พร้อมด้วย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) พร้อมที่จะเปิดให้บริการอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวแบบผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เจาะจงแหล่งที่มา(UGT1) เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ประกอบการธุรกิจภาคเอกชนที่มีความจำเป็นหรือมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียวสำหรับการดำเนินธุรกิจ โดยได้กำหนดอัตรา UGT1 เป็นส่วนเพิ่มจากค่าไฟฟ้าตามปกติหน่วยละประมาณ 6 สตางค์ต่อหน่วย

ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการได้ โดยผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ กฟภ. ผ่านแพลตฟอร์ม ugt.pea.co.th ผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ กฟน. ที่เว็บไซต์ mea.or.th  ลูกค้าตรง กฟผ. ที่เว็บไซต์ egat.co.th ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568  ซึ่งค่าส่วนเพิ่มดังกล่าวจะเรียกเก็บเฉพาะผู้ที่ใช้ไฟฟ้า UGT1 เท่านั้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไป 

“การเปิดให้บริการ UGT 1 ถือเป็นความสำเร็จก้าวที่สำคัญในการให้บริการไฟฟ้าสะอาด พร้อมด้วยกระบวนการรับรองแหล่งที่มา ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรฐานและกติกาที่เป็นสากล อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกของไทยในการให้บริการไฟฟ้าและการรับรองไฟฟ้าสะอาดอย่างเต็มรูปแบบ เชื่อว่าจะเปรียบเหมือนการติดอาวุธให้กับผู้ประกอบการไทยให้สามารถเข้าไปแข่งขันการค้าและการลงทุนในเวทีโลกได้เป็นอย่างดี ขจัดอุปสรรค ตอบโจทย์การค้าการลงทุนระหว่างประเทศ จูงใจให้ธุรกิจข้ามชาติชั้นนำ
ระดับสากลใช้ไทยเป็นฐานการผลิต การค้า และการลงทุนในอนาคต”นายพูลพัฒน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กฟผ. และการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย(กฟน.,กฟภ.) จัดเตรียมให้บริการ UGT1 ไว้รองรับความต้องการแล้ว เป็นปริมาณรวม 2,000 ล้านหน่วยต่อปี
พร้อมเตรียมการในการออกเอกสารรับรองไฟฟ้าสะอาดและแหล่งที่มา ภายใต้มาตรฐาน I-REC ซึ่งเป็นใบรับรองที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางที่สุดมาตรฐานหนึ่งในระดับสากล โดยการไฟฟ้าได้เริ่มเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2568 และมั่นใจว่าปริมาณไฟฟ้าสีเขียวจะมีปริมาณเพียงพอในการรองรับความต้องการไฟฟ้าสีเขียวรูปแบบนี้ของภาคเอกชนในช่วงแรกได้ทั้งหมด โดยในช่วงต่อไปจะมีการเปิดให้บริการ UGT2 และ Direct PPA เพิ่มเติม

ทั้งนี้ที่ผ่านมามีผู้ติดต่อลงทะเบียนเพื่อสมัครใช้บริการแล้วประมาณ 600 ล้านหน่วย ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจการค้าระหว่างประเทศที่นำไปใช้ในการจัดทำรายงานการปล่อยก๊าซฯตามนโยบายของบริษัทแม่หรือบริษัทคู่ค้า บริษัทจดทะเบียนชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องการการรับรองเพื่อขอรับสิทธิประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนพลังงานสะอาดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะเริ่มขายไฟภายในเดือนเมษายน 2568

นายธวัชชัย สำราญวานิช รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ.ได้ร่วมพัฒนา UGT เพื่อตอบโจทย์และเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้ไฟฟ้า หรือ Scope 2 Emissions โดยอาศัยกลไกใบรับรองการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน หรือ REC ตามมาตรฐาน I-REC โดยได้ออกแบบให้มี Arrangement Unit ที่ดำเนินการผ่าน UGT Platform ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดสรรและจับคู่ข้อมูลระหว่างหน่วยผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนกับข้อมูลหน่วยการใช้ไฟฟ้าจริงของผู้ใช้บริการ นำไปสู่การรับรองและส่งมอบ REC ให้กับผู้ใช้บริการตามแนวทาง Bundled REC ซึ่งเป็นแนวทางที่รวมการชำระค่าไฟฟ้าและค่าบริการใบรับรอง REC ไว้ในธุรกรรมเดียวดังนั้น UGT จึงไม่เพียงช่วยตอบความต้องการให้กับภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมที่มุ่งสู่ Net-zero emissions และมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียวในไทย แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ  เพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจของไทย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวในระดับภูมิภาค

โดยแหล่งพลังงาน UGT1 ในปี 2568 ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเขื่อนสิรินธร โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนจุฬาภรณ์ โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิริกิติ์ โรงไฟฟ้า
พลังงานน้ำเขื่อนบางลาง โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเขื่อนท่าทุ่งนา โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเขื่อนวชิราลงกรณโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเขื่อนปากมูล กำลังผลิตรวม 1,135 เมกะวัตต์

นายพิศณุ ตันติถาวร รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์องค์กรและความยั่งยืน กฟน. กล่าวว่า กฟน.พร้อมให้บริการจัดหาและส่งมอบพลังงานไฟฟ้าสีเขียว พร้อมใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Certificate (REC) โดยในปี 2568 กฟน.ได้เปิดให้บริการ UGT1 กับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท 3, 4 และ 5 เป็นกลุ่มแรก

นางสาวภูสุดา สงคศิริ ผู้ช่วยผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟภ. กล่าวว่า กฟภ.ได้เปิดรับสมัครผู้ใช้บริการตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2568 เป็นต้นมา ผู้สนใจสามารถสมัครใช้บริการผ่านแพลตฟอร์ม ugt.pea.co.th โดยที่ผ่านมา กฟภ.ได้ประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์ กฟภ. รวมถึงช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยมีผู้ใช้ไฟฟ้าจากกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มเคมีภัณฑ์ กลุ่มปิโตรเคมี ให้ความสนใจและเข้ามาลงทะเบียน