ตรุษจีนปี 68 เงินสะพัดทะลุ 5.17 หมื่นล้าน สูงสุดในรอบ 5 ปี!
วันศุกร์ ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2568, 13.53 น.
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย กล่าวว่า ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีน ปี 2568 ในครั้งนี้ ที่เม็ดเงินจากการจับจ่ายใช้สอยกลับขึ้นไปแตะระดับ 50,000 ล้านบาทอีกครั้งในรอบ 5 ปีนั้น แสดงให้เห็นว่า ประชาชนเริ่มมีความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 67 ที่รัฐบาลเริ่มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ซึ่งบางมาตรการมีผลในไตรมาส 4/67 และบางมาตรการจะเริ่มมีผลในไตรมาส 1/68
"ความเชื่อมั่นของประชาชนเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ ต.ค. พ.ย. ธ.ค. จากผลของการเริ่มแจกเงินหมื่นเฟสแรก, การจ่ายเงินช่วยเกษตรกรไร่ละ 1 พันบาท, มาตรการคุณสู้ เราช่วย รวมทั้งมาตรการที่จะมีผลในไตรมาสแรกปีนี้ เช่น Easy E-Receipt 2.0 และเงินหมื่น เฟส 2 สำหรับผู้สูงอายุ จึงส่งผลให้การใช้จ่ายช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 3% และคาดว่าตรุษจีนปีนี้ การใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น 4.5% จากปีก่อน โดยมูลค่าแตะ 50,000 ล้านบาท เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีนับจากช่วงโควิด" นายธนวรรธน์ กล่าว
อย่างไรก็ดี จากผลสำรวจความเห็นทั้งในฝั่งของประชาชน (Demand) และฝั่งผู้ประกอบการร้านค้า (Supply) ทำให้เห็นว่า กลุ่มตัวอย่างมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนในระยะยาวนั้น คงต้องจับตาปัจจัยอื่นประกอบ โดยเฉพาะนโยบายทรัมป์ 2.0 ซึ่งน่าจะเริ่มเห็นความเห็นความชัดเจนของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้เป็นต้นไป
โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปี 68 จะขยายตัวได้ที่ 2.0-2.5% ซึ่งต่ำกว่าปี 67 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.5-2.7% (ตัวเลข GDP ปี 67 อย่างเป็นทางการจากสภาพัฒน์ จะแถลงวันที่ 17 ก.พ.)
"ส่วนใหญ่มองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ มีผลช่วยแน่ในระยะสั้น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปีนี้เห็นการฟื้นตัวแน่นอน แต่ในช่วงไตรมาส 2 จะเป็นจุด check point ซึ่งจะเริ่มเห็นชัดเจนว่านโยบายทรัมป์ จะส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจไทยบ้าง" นายธนวรรธน์ ระบุ -032