น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่าประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่ากรมฯกำหนดจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจสินค้าผลไม้สดแปรรูป และผลิตภัณฑ์เกษตรอื่นๆ เพื่อรองรับมาตรการกีดกันทางการค้า ปี 2568 ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ซึ่งเป็นการจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ภายใต้มาตรการบริหารจัดการผลไม้เชิงรุกตามนโยบายของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้หาตลาดรองรับผลผลิตฤดูกาลผลิตปี 2568 เป็นการล่วงหน้าเพื่อสร้างโอกาสทางการค้า และผลักดันผลไม้ออกสู่ตลาด
สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จะจัดทั้งในรูปแบบ Onsite และ Online โดยกรมฯได้เชิญผู้นำเข้าที่มีศักยภาพจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก เช่น ภูมิภาคจีน สหภาพยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลียตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และกลุ่มประเทศ CLMV เป็นต้น เข้าร่วมงาน และเชิญผู้ส่งออกไทยเข้าร่วมโครงการ 96 บริษัท คาดหมายมีการเจรจาการค้าไม่น้อยกว่า 500 นัดหมาย สร้างมูลค่าเจรจาการค้าสูงกว่า 1,500 ล้านบาท สินค้าเป้าหมายหลัก เช่น ทุเรียน ลำไย มังคุด มะม่วง มะพร้าว และผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปต่างๆ ซึ่งเป็นสินค้าเรือธงที่มียอดการส่งออกสูงสุด
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ พิธีลงนามความตกลงทางการค้าระหว่างผู้ส่งออกไทยและผู้นำเข้าต่างประเทศ กิจกรรมนิทรรศการผลไม้และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร กิจกรรมสาธิตปรุงอาหารและเครื่องดื่มจากผลไม้และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร กิจกรรมเปิดตัวสื่อประชาสัมพันธ์คาแร็กเตอร์ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าผลไม้ไทย และกิจกรรมส่งเสริมผลไม้และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร
“ถึงแม้ไทยจะมีข้อได้เปรียบด้านคุณภาพของผลผลิต แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงในการแข่งขันตลาดโลก ทั้งการแข่งขันส่งออกผลไม้ของประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเวียดนาม และมาเลเซีย ที่มุ่งเป้าตลาดเดียวกัน การเผชิญมาตรการกีดกันทางการค้าในหลายประเทศ และความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยกรมฯมั่นใจว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ จะช่วยให้ไทยยังคงรักษาฐานตลาดส่งออกผลไม้เดิมที่มีอยู่ และขยายโอกาสการส่งออกสู่ตลาดใหม่ๆ ทำให้ผลผลิตผลไม้ฤดูกาลใหม่มีตลาดรองรับล่วงหน้า” น.ส.สุนันทากล่าว
ในส่วนของการหาตลาดเพิ่มเติมนั้นล่าสุดได้รับรายงานจาก น.ส.นันท์นภัส งามแม้น ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงการสำรวจตลาดสินค้าลำไยไทยในจีน และโอกาสในการส่งออกลำไยไทยเข้าสู่ตลาดเมืองเซี่ยเหมิน ที่ยังมีโอกาสขยายตัวได้มากขึ้น
ทูตพาณิชย์ได้รายงานข้อมูลว่า แม้จีนจะหันมาปลูกลำไย แต่ต้นทุนการปลูกและแปรรูปสูงขึ้น ทำให้พื้นที่ปลูกลดลง จึงต้องนำเข้า โดยลำไยอบแห้งที่เมืองเซี่ยเหมินนำเข้าส่วนใหญ่มาจากไทย เพราะมีรสชาติหวาน หอม ผลใหญ่ เมล็ดเล็ก จึงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน โดยส่วนใหญ่จะบริโภคโดยตรงหรือเป็นส่วนประกอบในอาหารแปรรูป เช่น อาหารกระป๋อง และในช่วง 9 เดือนปี 2567 (มกราคม-กันยายน) เมืองเซี่ยเหมินนำเข้าผลไม้รวม 101,500 ตันมูลค่า 1,470 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 61.39% และปริมาณผลไม้ที่นำเข้าสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ลำไย (รวมถึงลำไยแห้ง/เนื้อและลำไยสด) ทุเรียนสดและมะพร้าวแห้ง มีปริมาณนำเข้า 27,000 ตัน 19,800 ตัน และ 12,300 ตัน ตามลำดับ รวมกันคิดเป็น 58.25% ของการนำเข้าผลไม้ทั้งหมด
ประเทศที่เมืองเซี่ยเหมินนำเข้าผลไม้ คือ ไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยในช่วง 9 เดือนปี 2567 เซี่ยเหมินนำเข้าผลไม้จากไทย 40,300 ตัน เวียดนาม 25,800 ตัน และอินโดนีเซีย 12,900 ตัน และยังเริ่มมีการนำเข้าจาก สปป.ลาว สาธารณรัฐมาลี และฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น
สำหรับช่องทางการนำเข้า ปัจจุบัน การนำเข้าผลไม้มายังเมืองเซี่ยเหมินใช้วิธีการขนส่ง 3 รูปแบบได้แก่ ทางน้ำ ทางถนน และทางอากาศ โดยการขนส่งทางน้ำมีสัดส่วนมากที่สุดในช่วง 9 เดือนปี 2567 เมืองเซี่ยเหมินนำเข้าผลไม้ทางน้ำ 82,500 ตันคิดเป็น 81.3% ของปริมาณผลไม้นำเข้าทั้งหมด การนำเข้าทางถนนและทางอากาศมีปริมาณ 18,900 ตันและ 39.84 ตัน ตามลำดับ
“ลำไยถือเป็นผลไม้ส่งออกศักยภาพของไทยโดยเมืองเซี่ยเหมินนำเข้าลำไย ทั้งแห้งและสด ปริมาณสูงเป็นอันดับที่ 1 ติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการไทยจะต้องรักษาคุณภาพ มาตรฐาน เพื่อรักษาความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคในจีน และหาพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง ควรเลือกคู่ค้าที่มีประวัติดี มีประสบการณ์ และความน่าเชื่อถือ ดำเนินการตามกฎระเบียบการนำเข้าอย่างเคร่งครัด อย่าสำแดงราคาต่ำเกินราคากลางของศุลกากรจีน ซึ่งถือเป็นความผิดทางกฎหมายอย่างรุนแรง เพื่อให้ลำไยไทยเจาะเข้าตลาดเมื่องเซี่ยเหมินได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นที่น่าสังเกต เซี่ยเหมินมีการนำเข้าทุเรียนสดเพิ่มมากขึ้น รองจากลำไย ถือเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการไทยจะขยายตลาดทุเรียนได้เพิ่มขึ้นด้วย” น.ส.สุนันทา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี