ธุรกิจดาวเด่นปี ’68 ยกให้กลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ นวัตกรรม ด้าน ‘ธุรกิจไลฟ์สไตล์ นวัตกรรม และจัดการธุรกิจ’ ปีนี้แรงดีไม่มีออมขึ้นแท่นดาวเด่นปี ‘68
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้จัดทำข้อมูลธุรกิจเพื่อวิเคราะห์ธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ และเฟ้นหาธุรกิจดาวเด่นที่น่าจับตามอง ปี 2568 โดยประเมินข้อมูลธุรกิจจากหลายภาคส่วน ทั้งสถิติข้อมูลภายในของกรมฯ ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สถิติจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ มูลค่าทุนจดทะเบียน แนวโน้มการเติบโต ผลประกอบการของธุรกิจ รายได้และ ผลกำไร ร่วมกับข้อมูลปัจจัยทางเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจต่างๆ เทรนด์การประกอบธุรกิจ ได้แก่ แนวโน้ม กระแสความนิยม พฤติกรรมของธุรกิจ นโยบายรัฐบาล และดัชนีทางเศรษฐกิจ เพื่อกลุ่มธุรกิจ
ทั้งนี้ประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ เกี่ยวข้องกับรูปแบบพฤติกรรมการใช้ชีวิตของมนุษย์ การสร้างความสุขทั้งร่างกายและจิตใจ ประกอบด้วย1. ธุรกิจการท่องเที่ยวและกิจกรรมในครอบครัว ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและที่พัก ธุรกิจร้านอาหาร/ผับบาร์ ธุรกิจการแสดงโชว์และความบันเทิง รวมทั้ง ธุรกิจกิจกรรมสำหรับครอบครัว เช่น สวนสัตว์ สถานที่พักผ่อนตามธรรมชาติ โดยปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 6,667 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 458 ราย หรือ เพิ่มขึ้น 7.38% มูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ 16,253.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 2,269.54 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 16.23% รายได้รวมของธุรกิจในปี 2566 มีมูลค่าสูงถึง 753,308.31 ล้านบาท
2. ธุรกิจ Health & Wellness เช่น ธุรกิจโรงพยาบาลและโรงพยาบาลเฉพาะทาง ธุรกิจทันตกรรม ธุรกิจกายภาพบำบัด และธุรกิจการดูแลสุขภาพอื่นๆ โดยปี 2566 ธุรกิจมีรายได้รวม 357,988.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 5,464.77 ล้านบาท และปี 2567 มีจำนวนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่จำนวน 912 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 5,212.27 ล้านบาท
3) ธุรกิจสัตว์เลี้ยง เช่น ธุรกิจดูแลสัตว์เลี้ยง ผลิต/จำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง และธุรกิจรักษาสัตว์เลี้ยง โดยปี 2567 มีจำนวนธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่จัดตั้งขึ้นใหม่ จำนวน 206 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 400.12 ล้านบาท และรายได้รวมปี 2566 มีมูลค่า 76,066.28 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,310.31 ล้านบาท
4) ธุรกิจสายมูฯ (มูเตลู) ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจสายมูฯ (มูเตลู) ยังคงมีการจดทะเบียนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 38 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 5 ราย และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 14 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 27.72 ล้านบาท โดยธุรกิจนี้ยังคงได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ท่ามกลางความต้องการที่พึงทางด้านจิตใจ
5) ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ เช่น ธุรกิจผลิตภาพยนต์และรายการโทรทัศน์ ธุรกิจตัดต่อภาพและเสียง ธุรกิจกราฟฟิกแอนิเมชันและเทคนิคพิเศษ และธุรกิจสอนการแสดง โดยปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 293 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 18 ราย และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 37 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 719.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 346.36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 92.86%
6) ธุรกิจปรับปรุงและตกแต่งอาคาร เช่น ธุรกิจออกแบบและตกแต่งภายใน ธุรกิจซ่อมแซมอาคาร โดยปัจจุบันผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะปรับปรุงที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น แทนการซื้ออสังหาริมทรัพย์ใหม่ โดยปี 2566 ธุรกิจปรับปรุงและตกแต่งอาคาร มีรายได้รวม 100,897.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 11,585.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.97% และเพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 26,723.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.03% และปี 2567 มีนิติบุคคลจัดตั้งใหม่จำนวน 993 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 1,510.21 ล้านบาท
นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี เป็นกลุ่มที่เป็นเทรนด์ธุรกิจของโลกที่ก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ก้าวข้ามขีดจำกัดและสามารถตอบสนองต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์และการดำเนินธุรกิจ ประกอบด้วย 1) ธุรกิจ Data Center และ Software เช่น ธุรกิจจัดทำซอฟต์แวร์สำเร็จรูป ธุรกิจบริการ Data Center ธุรกิจจัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเว็บเพจ เป็นต้น โดยธุรกิจนี้ มีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2566 ธุรกิจมีรายได้รวม 110,500.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 5 ปีก่อน จำนวน 50,960.03 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 85.59%
2) ธุรกิจ e-Commerce เช่น ธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต ธุรกิจคลังสินค้าและการจัดเก็บสินค้า ธุรกิจตลาดกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ธุรกิจ e-Commerce มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 2,219 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 318 ราย และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 572 ราย เพิ่มขึ้น 16.73% และ 34.73% ตามลำดับ มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 3,361.23 ล้านบาท โดยรายได้รวมในปี 2566 มีมูลค่า 279,787.83 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,442.28 ล้านบาท
สำหรับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการธุรกิจ เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เฉพาะด้านในการบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ในการประกอบธุรกิจ การให้คำปรึกษา การจัดหาบุคลากรหรือผู้เชี่ยวชาญทำหน้าที่ช่วยเหลือธุรกิจให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ตรงเป้าหมาย โดยธุรกิจที่มีความโดดเด่น ประกอบด้วย 1) ธุรกิจการบริหารจัดการธุรกิจ เช่น ธุรกิจสำนักงานบัญชี ธุรกิจสำนักงานกฎหมาย ธุรกิจการจ้างงานบุคคลภายนอก (outsource) โดยธุรกิจการบริการจัดการธุรกิจ ถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการประกอบธุรกิจยุคปัจจุบัน ปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 4,296 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 181 ราย และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 806 ราย หรือ เพิ่มขึ้น 4.40% และ 23.09% ตามลำดับ มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 6,521.44 ล้านบาท โดยธุรกิจการบริหารจัดการธุรกิจมีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นและต่อเนื่องช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2563 - 2567)
2) ธุรกิจที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ธุรกิจให้คำปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ธุรกิจการวิจัยและพัฒนาเชิงทดลอง ธุรกิจการให้บริการเกี่ยวกับสิทธิพิเศษอื่น ๆ เช่น คาร์บอนเครดิต ปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 338 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 86 ราย และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 159 ราย หรือเพิ่มขึ้น 34.13% และ 88.83% ตามลำดับ มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 1,832.10 ล้านบาท โดยปี 2566 ธุรกิจที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม มีรายได้รวม 41,408.69 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 - 2566)
นางอรมน กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปี 2568กรมฯ จะเดินหน้าพัฒนาธุรกิจไทยด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งด้านการจดทะเบียนนิติบุคคลและบริการข้อมูลธุรกิจที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนด้านความง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น โดยได้เปิดให้บริการระบบจดทะเบียนนิติบุคคลดิจิทัล หรือ DBD Biz Regist แล้ว เมื่อกลางเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา พร้อมด้วยฟังก์ชันใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจ และกำหนดเปิดให้บริการระบบจดทะเบียนสมาคมการค้าและหอการค้าทางออนไลน์ เร็วๆ นี้ ซึ่งจะทำให้บริการดิจิทัลของกรมฯ ทุกกระบวนงานสามารถใช้งานได้สมบูรณ์ 100% ประกอบกับยังคงขับเคลื่อนการยกเลิกเรียกเอกสารราชการ โดยเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมใน ปี 2568 อีก 25 หน่วยงาน และตั้งเป้าหมายให้ครอบคลุมทั้ง 74 หน่วยงาน ภายในปี 2570
ด้านการส่งเสริมธุรกิจ มีแผนพัฒนาธุรกิจใน 4 ด้าน คือ 1) เพิ่มศักยภาพธุรกิจ จัดกิจกรรมให้ความรู้ที่สอดรับกับเทรนด์การค้าโลก พร้อมด้วยการใช้เทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการในประเภทต่างๆ อาทิ การสร้างเครือข่ายธุรกิจ, ร้านสมาร์ทโชห่วย, ธุรกิจบริการผู้สูงอายุ และร้านอาหาร 2) กระตุ้นการค้าออนไลน์ ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นให้ธุรกิจด้วยเครื่องหมาย DBD Registered โฉมใหม่ เปิดใช้ในเดือนเมษายน 2568 ที่จะเชื่อมโยงกับหน่วยงานภายนอกด้วย 3) เข้าถึงแหล่งทุนด้วยหลักประกันทางธุรกิจ กรมฯ ยังคงเดินหน้าแนะนำช่องทางการเงินให้ธุรกิจสามารถนำทรัพย์สินมาใช้เป็นหลักประกันเพื่อเข้าถึงเงินทุนที่มากขึ้นทำให้ธุรกิจมีเส้นทางการพัฒนาต่อไป และ 4) การขยายช่องทางการตลาดให้ธุรกิจมีโอกาสได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในธุรกิจแฟรนไชส์ และสมุนไพรไทย สุดท้ายด้านการสร้างธรรมาภิบาลธุรกิจ
ทั้งนี้กรมฯ อยู่ระหว่างการจัดทำระบบวิเคราะห์พฤติกรรมนิติบุคคล หรือ Intelligence Business Analytic System (IBAS) ที่จะช่วยให้กรมฯ และพันธมิตรสามารถจับตามองธุรกิจที่เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายและป้องปรามได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังพัฒนาระบบ e-Accountant เพื่อรองรับผู้ทำบัญชีที่จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นให้ใช้งานระบบได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี