นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด (LWS) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในเครือ บมจ.แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เปิดเผยแนวโน้มการเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ในปี 2568 ว่า จะชะลอตัวลงจากปี 2567 ซึ่งบริษัทได้คาดการณ์ความเป็นไปได้การเปิดตัวโครงการใหม่ใน 3 ฉากทัศน์ โดยคำนึงถึงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อ กรณีที่ดีที่สุด (Best Case) หากเศรษฐกิจไทยเติบโต 2.8-3% และ 3% การท่องเที่ยวเติบโตได้เท่ากับก่อนเกิดโควิด การลงทุนภาครัฐเป็นไปตามแผน การลงทุนภาคเอกชนเติบโต การส่งออกยังเติบโตได้ การบริโภคฟื้นตัว ราคาพลังงานทรงตัวในระดับที่ไม่เกิน 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อัตราเงินเฟ้อไม่เกิน 1.5%
ทั้งนี้จะทำให้มีการเปิดตัวโครงการอสังหาฯ ใหม่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลปี 2568 ประมาณ 62,000-65,000 หน่วย มูลค่า 403,000-422,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3-7% จากปี 2567 และจะมีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ใหม่ทั่วประเทศในปี 2568 ประมาณ 360,000-370,000 หน่วย มูลค่า 1.02-1.03 ล้านล้านบาทเพิ่มขึ้น 1-2% จากปี 2567
กรณีปกติ (Base Case) หากเศรษฐกิจไทยเติบโต 2-2.5% การส่งออกชะลอตัว การลงทุนภาครัฐล่าช้า ในขณะที่การท่องเที่ยว การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวต่อเนื่อง ราคาพลังงานทรงตัวไม่เกิน 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อัตราเงินเฟ้อไม่เกิน 1.5% คาดจะมีการเปิดตัวโครงการอสังหาฯใหม่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลปี 2568 ประมาณ 56,000 - 61,000 หน่วย มูลค่า 364,000 - 403,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2567 หรือเพิ่มขึ้นไม่เกิน 2% และอัตราการโอนฯ จะมีแนวโน้มใกล้เคียงปี 2567 คือ 1.012 ล้านล้านบาท
กรณีที่แย่ที่สุด (Worst Case) หากเศรษฐกิจไทยเติบโตน้อยกว่า 2% การส่งออกชะลอตัว การลงทุนภาครัฐไม่สามารถทำได้ตามแผน การบริโภคยังคงชะลอตัว แต่การท่องเที่ยวและการลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อัตราเงินเฟ้อเกินกว่า 2% จะทำให้มีการเปิดตัวโครงการอสังหาฯใหม่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลปี 2568 ลดลงมาใกล้เคียงกับปี 2567 หรือลดลงไม่น้อยกว่า 5% ขณะที่อัตราการโอนฯมีแนวโน้มจะติดลบหรือมีมูลค่าน้อยกว่า 1.012 ล้านล้านบาท
“ปัญหาใหญ่ของภาคอสังหาฯอยู่ที่สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทำให้มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 70% โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อีกทั้งเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อโครงการ ทำให้ผู้ประกอบการต้องชะลอแผนการเปิดตัวโครงการใหม่หรือยกเลิกเปิดตัว จากสินค้าคงเหลือที่มีอยู่ในระบบยังมีเพียงพอต่อการขายได้ 2-3 ปี โดยที่ไม่ต้องขึ้นโครงการใหม่”นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว
ในขณะเดียวกันโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย”เป็นอีกปัจจัยที่จะมาดูดซับกำลังซื้อที่อยู่อาศัยในระดับกลาง-ล่าง ที่เป็นกำลังซื้อที่คิดเป็นสัดส่วนไม่น้อยกว่า 40% ของกำลังซื้อทั้งหมด โดยเฉพาะในทำเลศักยภาพ เช่น ก.ม.11 ที่ใกล้แนวรถไฟฟ้า เป็นทำเลที่มีศักยภาพและสามารถดึงดูดกำลังซื้อจากกลุ่มผู้ซื้อในระดับกลาง และกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ จึงส่งผลให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องทบทวนและปรับแผนธุรกิจให้สอดรับกับกำลังซื้อในตลาด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี