นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ดัชนีราคาส่งออก และดัชนีราคานำเข้าของไทย เดือนธันวาคม 2567 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และเฉลี่ยทั้งปี 2567 ยังคงปรับตัวสูงขึ้น ตามความต้องการของตลาดในหลายกลุ่มสินค้าและตลาดสำคัญที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อในหลายภูมิภาค มาตรการกีดกันทางการค้า แนวโน้มราคาพลังงานและวัตถุดิบที่สูงขึ้น ความผันผวนของค่าเงินบาท และการแข่งขันทางการค้าที่สูงขึ้น อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวทางด้านราคาของไทยในระยะข้างหน้าแต่ภาพรวมดัชนีราคาส่งออกและดัชนีราคานำเข้าของไทยปัจจุบันยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง
โดยมีรายละเอียด ดังนี้ดัชนีราคาส่งออก เดือนธันวาคม 2567 เท่ากับ 110.8 เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2566 สูงขึ้น1.2% เป็นผลจากการสูงขึ้นของทุกหมวดสินค้า ประกอบด้วย หมวดสินค้าอุตสาหกรรม สูงขึ้น 1.4% ได้แก่เครื่องเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และทองคำ ตามแนวโน้มความต้องการสินค้าในตลาดโลกที่ขยายตัวต่อเนื่องหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง กลับมาสูงขึ้น 1.3% จากน้ำมันสำเร็จรูป ตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้น 0.9% ได้แก่ อาหารสัตว์เลี้ยง ตามความนิยมสัตว์เลี้ยงทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เนื่องจากมาตรฐานและคุณภาพการผลิตเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก และหมวดสินค้าเกษตรกรรม สูงขึ้น 0.1% ได้แก่ ยางพารา ตามปริมาณผลผลิตลดลงจากปัญหาน้ำท่วมในภาคใต้ และผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ขยายตัวตามความต้องการบริโภคผลไม้จากจีน และเฉลี่ยทั้งปี 2567 ขยายตัว 1.4% เป็นการขยายตัวต่อเนื่องตลอดทั้งปี และปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ขยายตัวเฉลี่ย 1.1% โดยเป็นการขยายตัวได้ดีเกือบทุกหมวดสินค้า ยกเว้นหมวดสินค้าเชื้อเพลิง เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันโลกยังอยู่ในระดับต่ำ จากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้า
ดัชนีราคานำเข้า เดือนธันวาคม 2567 เท่ากับ 112.9 เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2566 สูงขึ้น 2.5 %เป็นผลจากการสูงขึ้นของราคาในเกือบทุกหมวดสินค้า ประกอบด้วย หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค สูงขึ้น 7.5% ได้แก่เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องประดับอัญมณี และผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ เพื่อตอบสนองความต้องการในการอุปโภคบริโภคของประเทศ และรองรับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
หมวดสินค้าทุนสูงขึ้น 4.1% ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบและเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ตามความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นในภาคอุตสาหกรรม การผลิต และบริการ หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สูงขึ้น 3.1% ได้แก่ ทองคำ ตามการสำรองทองคำเพื่อความปลอดภัยของหลายประเทศทั่วโลก
สำหรับอุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และเคมีภัณฑ์ ตามความต้องการสินค้าเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ขณะที่หมวดสินค้าที่ดัชนีราคานำเข้าลดลง ประกอบด้วย หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ติดลบน้อยลง ที่ 3% ตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกที่สูงขึ้นเล็กน้อย และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ลดลง 1.1 % โดยเฉพาะรถยนต์โดยสารและรถบรรทุก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับหนี้ครัวเรือนสูง ทำให้สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และเฉลี่ยปี 2567 ขยายตัวดีขึ้น 1.1% จากปี 2566 ที่หดตัวเฉลี่ย 0.9% โดยเป็นการขยายตัวได้ดีเกือบทุกหมวดสินค้า ยกเว้นหมวดสินค้าเชื้อเพลิง และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ซึ่งเป็นไปตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลก และความต้องการสินค้าที่ชะลอลง
สำหรับแนวโน้มดัชนีราคาส่งออก และดัชนีราคานำเข้า ปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อน แม้จะเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน แต่ยังมีปัจจัยสนับสนุนจาก1. ฐานราคาของปี 2567 ยังอยู่ในระดับไม่สูงมาก 2. สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าคาดว่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป 3. ราคาสินค้าเกษตรและอาหารบางกลุ่มยังขยายตัวตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น 4. ราคาพลังงานและวัตถุดิบมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น และ 5.สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าบางกลุ่มขยายตัวตามการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่ 1. ความไม่แน่นอน ของเศรษฐกิจโลก และประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน 2. ความเสี่ยงจากความขัดแย้ง ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อในหลายภูมิภาค 3. ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าและภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงการส่งออกของไทย 4. การแข่งขันทางด้านราคามีแนวโน้มสูงขึ้นและ 5.ความผันผวนของค่าเงินบาท
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี