นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สศอ. ได้วิเคราะห์แนวโน้มและผลกระทบจากนโยบายสำคัญของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งมีนโยบายจะทำให้สหรัฐฯ กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง (Make American Greater Again) และ American First ที่มุ่งเน้นรักษาผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เป็นสำคัญ ทั้งนี้ ภายหลังจากสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้มีการแถลงและลงนามในนโยบายก้าวแรกหลายประเด็น โดยเมื่อพิจารณาแล้วมีประเด็นที่สำคัญและมีความเกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมของไทย อาทิ การลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเปลี่ยนแปลงนโยบายพลังงาน และแนวทางด้านอุตสาหกรรมอวกาศ รวมทั้งการขึ้นภาษีศุลกากร เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ
ทั้งนี้ ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมไทยจำเป็นต้องปรับตัวยกระดับศักยภาพการผลิตสินค้าไทยให้มีความพร้อมเข้าเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่การผลิตของสหรัฐฯได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยประเด็นแรกที่สำคัญ ได้แก่ การจัดตั้ง “Stargate” บริษัทร่วมทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ร่วมกับโอเพ่นเอไอ (OpenAI) ซอฟต์แบงก์ (Softbank) และออราเคิล (Oracle) มูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูล (Data Center) และส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยี AI คาดว่าจะส่งผลให้เกิดอุปสงค์ต่ออุตสาหกรรมโดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง นับว่าเป็นโอกาสของภาคอุตสาหกรรมไทยเนื่องจากเป็นสินค้าที่ไทยมีความชำนาญและมีการส่งออกหลักไปยังสหรัฐฯ นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยี AI ของสตาร์เกต ยังมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ส่งผลดีต่อการพัฒนาเป็น Medical Hub ของไทยอีกด้วย
ประเด็นที่สำคัญถัดมา ได้แก่ การถอนตัวจากข้อตกลงปารีสและการปลดล็อกข้อจำกัดด้านการผลิตพลังงานฟอสซิล ในส่วนนี้ สศอ. มองว่า
จะเป็นประโยชน์ต่อต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมไทยที่คาดว่าจะได้อานิสงส์ในทางตรงได้แก่ อุตสาหกรรมการขุดเจาะน้ำมันและการผลิตปิโตรเลียม สำหรับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ที่น่าจะได้รับประโยชน์ ได้แก่ ปิโตรเคมี ปุ๋ยและเคมีเกษตร ปูนซีเมนต์ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ซีเมนต์ พลังงานไฟฟ้า เยื่อกระดาษและกระดาษ ขณะเดียวกัน การลงนามเพิกถอนคำสั่งบริหารในประเด็นเป้าหมาย “การจำหน่ายรถยนต์ใหม่ 50% จากทั้งหมด ต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ภายในปี พ.ศ. 2573” จะเป็นโอกาสให้อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานสันดาป (ICE) น่าจะส่งผลทางบวกต่อห่วงโซ่การผลิตในอุตสาหกรรมนี้ของไทย
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ประกาศจะเพิ่มภาษีศุลกากรสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกขึ้นเป็น 25%โดยสินค้าหลักที่สหรัฐฯ นำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก คือ รถยนต์นั่งและชิ้นส่วนยานยนต์ซึ่งจะเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่จะส่งออกไปทดแทนในระยะถัดไป เช่นเดียวกันกับจีนที่สหรัฐฯ พิจารณาปรับภาษีจากเดิมเพิ่มอีก 10% และปีที่ผ่านมาสหรัฐฯ มีการนำเข้าหม้อสะสมไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบจากไทยเพิ่มขึ้นทดแทนการนำเข้าจากจีน นับเป็นโอกาสของประเทศไทยที่สหรัฐฯจะนำเข้าสินค้าจากประเทศคู่ค้าอื่นรวมถึงไทยเพิ่มขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของไทยที่อาจจะถูกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าหลักที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ ได้แก่ 1.เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 2.เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 3.ผลิตภัณฑ์ยาง 4.อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด และ 5.หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบโดยภาคการผลิตไทยอาจแสวงหาช่องทางขยายฐานการตลาดใหม่เพิ่มเติม เพื่อลดความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และสร้างโอกาสทางการค้าใหม่ในตลาดโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี