5 ภาคีเครือข่าย : กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก บริษัท ไทยพัฒนาสุขภาพ จำกัด บริษัท หัวเว่ยเทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด และมหาวิทยาลัยโตเกียว ร่วมกันเปิดหลักสูตร ‘Wellness and Healthcare Business Opportunity Program for Executives (WHB)’ รุ่นที่ 5 ณ โรงแรมอนันตรา สยาม ถนนราชดำริ กรุงเทพฯ
ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (พ.ศ.2560 - 2569) ด้วยการต่อยอดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อาหารไทย ภูมิปัญญานวดไทย สมุนไพรไทย และการบริการ นอกจากจะต่อยอดกับอุตสาหกรรมเดิมที่ไทยมีศักยภาพแล้ว ปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน คือ การยกระดับศักยภาพบุคลากรในอุตสาหกรรม Wellness and Healthcare ทั้งด้านองค์ความรู้ ด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ ให้สามารถปรับตัวรองรับกติกาการค้าตามระเบียบโลกใหม่ ควบคู่กับการส่งเสริมการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่เจาะตรงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมทั้ง การรวมกลุ่มเพื่อเชื่อมโยงธุรกิจและสร้างความสัมพันธ์ให้เกิดการขยายเครือข่ายรองรับการปรับตัวและเติบโตของธุรกิจในอนาคต ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญที่นำมาซึ่งความแข็งแกร่งแก่ธุรกิจบริการภาพรวมของไทย
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ 4 หน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก บริษัท ไทยพัฒนาสุขภาพ จำกัด บริษัท หัวเว่ยเทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด และมหาวิทยาลัยโตเกียว ได้ร่วมกันส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบธุรกิจกลุ่ม Wellness and Healthcare โดยได้เสริมสร้างศักยภาพแก่ผู้ประกอบธุรกิจบริการไทยเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านธุรกิจบริการ Wellness and Healthcare ที่สำคัญของโลก ทั้งนี้ มุ่งหวังให้ภาคบริการเป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ที่สามารถดึงดูดเม็ดเงินเข้าประเทศ เพิ่มรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม ในส่วนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้านอกจากจะให้บริการด้านการจดทะเบียนนิติบุคคลแล้ว ยังมีคลังข้อมูลธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ (DBD DataWarehouse+) ทำให้เห็นแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ Wellness and Healthcare อย่างมีศักยภาพ ทั้งการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ประกอบธุรกิจ เงินลงทุน รายได้ และผลกำไร ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สังคมผู้สูงอายุ เทรนด์การดูแลสุขภาพเพื่อให้มีอายุที่ยืนยาว (Longevity) ควบคู่กับการมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ล่าสุด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ หน่วยงานพันธมิตรทั้ง 4 หน่วยงาน ได้ร่วมกันจัดหลักสูตร ‘Wellness and Healthcare Business Opportunity Program for Executives (WHB)’ รุ่นที่ 5 เพื่อตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจและภาครัฐ ขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบริการด้านสุขภาพและการแพทย์ของโลก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผู้บริหารระดับสูงของธุรกิจ Wellness & Healthcare ให้มีความรู้ ความเข้าใจ และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมดังกล่าวอย่างครบวงจร ครอบคลุมทั้งด้านการบริหารจัดการ นวัตกรรม เทคโนโลยี และการตลาด รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้เข้าร่วมหลักสูตร ที่ผ่านมามีผู้เข้าร่วมเรียนหลักสูตร WHB รุ่นที่ 1-4 รวมจำนวน 438 คน สำหรับรุ่นปัจจุบันซึ่งเป็นรุ่นที่ 5 มีผู้เข้ารับการอบรมจำนวน 37 ราย
โดยมีระยะเวลาการอบรมตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. - 30 พ.ค.2568 ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ และจะมีการศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศเพื่อเปิดมุมมองธุรกิจให้กว้างขวางมากขึ้น ทั้งนี้ มั่นใจว่าผู้เข้ารับการอบรมฯ จะสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาศักยภาพธุรกิจ Wellness and Healthcare ให้มีการเจริญเติบโตอย่างเข้มแข็ง และเป็นกำลังหลักในการสร้างรายได้เข้าประเทศ ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 28 มกราคม 2568 มีนิติบุคคลธุรกิจ Healthcare & Wellness คงอยู่จำนวน 28,515 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 359,480 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1.13 ล้านล้านบาท ซึ่งกรมฯ ได้เห็นแนวโน้มการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะให้การส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการในธุรกิจ Wellness และ Healthcare อย่างเต็มที่” อธิบดีอรมน กล่าวทิ้งท้าย -032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี