ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ของ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ในวงเงินไม่เกิน 1.5 พันล้านบาท ไถ่ถอนไม่เกิน 5 ปี ที่ระดับ “BBB-” โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ในการขยายธุรกิจ เป็นเงินทุนหมุนเวียน และ/หรือชำระคืนหนี้ ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่”
อันดับเครดิตสะท้อนถึงประวัติผลงานที่ได้รับการยอมรับของบริษัทในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้ในระดับปานกลางถึงต่ำ เงินได้จำนวนมากจากการลงทุนในกิจการร่วมทุน (Joint Venture) และสภาพคล่องของบริษัทที่บริหารจัดการได้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความกังวลของทริสเรทติ้งต่อภาระหนี้สินทางการเงินของบริษัทที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และผลกระทบเชิงลบจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงอย่างยาวนานและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท คิดเป็นประมาณ 50% ของเป้าหมายทั้งปี ผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดนี้เกิดจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่างซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของบริษัท ส่งผลให้ EBITDA ของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของเป้าหมายทั้งปี อย่างไรก็ตาม EBITDA Margin ของบริษัทที่ 34% และส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมทุนที่ประมาณ 300 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ยังคงเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
มองไปข้างหน้า รายได้และกำไรของบริษัทในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยโดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) จากโครงการของบริษัทและโครงการร่วมทุน นอกจากนี้ รายได้และกำไรของบริษัทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจะได้รับการสนับสนุนบางส่วนจาก Backlog รวมมูลค่า 6.7 พันล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2567 โดยในจำนวนนี้คาดว่าจะมีการโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 4.3 พันล้านบาทในปี 2568 และอีก 2.4 พันล้านบาทในปี 2569 ตามสมมติฐานกรณีพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่ารายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 4-5 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2568-2569 ในขณะที่ EBITDA คาดว่าจะอยู่ในช่วง 1.5-1.7 พันล้านบาท
ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยเนื่องจากบริษัทมีแผนที่จะลดการซื้อที่ดินและมุ่งเน้นการระบายสินค้าคงเหลือในช่วงสองสามปีข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 57%-60% ในปี 2568-2569 ลดลงจาก 63% ณ เดือนกันยายน 2567 นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 5%-7% ในปี 2568-2569 จากระดับ 2% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567
สภาพคล่องของบริษัทคาดว่าจะค่อนข้างตึงตัวในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย ณ เดือนกันยายน 2567 แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินสดในมือ 600 ล้านบาท วงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้เบิกและไม่สามารถยกเลิกได้จำนวน 4.2 พันล้านบาท ในขณะที่เงินทุนจากการดำเนินงานในปี 2568 นั้นคาดว่าจะอยู่ที่จำนวน 700 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีที่ดินที่ปลอดภาระหนี้ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 480 ล้านบาทและที่อยู่อาศัยที่สร้างแล้วเสร็จที่ไม่มีภาระหนี้สินมูลค่า 350 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับวงเงินกู้กับสถาบันการเงินในกรณีที่จำเป็นได้อีกด้วย
ในทางกลับกัน บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าจำนวนรวม 7.1 พันล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้จำนวน 3.7 พันล้านบาท ตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้นจำนวน 1.7 พันล้านบาท ตั๋วแลกเงินระยะสั้นจำนวน 1.0 พันล้านบาท เงินกู้โครงการระยะยาวจำนวน 0.6 พันล้านบาท และสัญญาเช่าทางการเงินจำนวน 0.1 พันล้านบาท ทั้งนี้ หุ้นกู้จำนวน 3.7 พันล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้า หุ้นกู้จำนวน 1 พันล้านบาทที่ครบกำหนดชำระในเดือนตุลาคม 2567 ได้รับการชำระคืนแล้ว ขณะที่ส่วนที่เหลือ บริษัทคาดว่าจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่มาทดแทนส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งจะมาจากวงเงินที่เหลือกับธนาคาร นอกจากนี้บริษัทยังได้จ่ายคืนตั๋วแลกเงินระยะสั้นจำนวน 1.0 พันล้านบาทแล้วด้วยวงเงินจากธนาคาร ตั๋วสัญญาใช้เงินส่วนใหญ่ใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนและเป็นวงเงินสินเพื่อใช้ในการซื้อที่ดิน ซึ่งบริษัทมีแผนจะต่อตั๋วดังกล่าว (Roll Over) จากสถาบันการเงินออกไปอีก หรือบางส่วนอาจจะเปลี่ยนเป็นเงินกู้โครงการระยะยาวต่อไป เงินกู้โครงการระยะยาวโดยทั่วไปแล้วจะชำระคืนด้วยเงินที่ได้รับจากการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย -032
ข้อกำหนดทางการเงินสำหรับหุ้นกู้และเงินกู้จากสถาบันการเงินระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนทุนของบริษัทไม่ให้เกินกว่า 2.5 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อทุนของบริษัทไม่ให้เกินกว่า 1.75 เท่า ทั้งนี้ ณ เดือนกันยายน 2567 อัตราส่วนทั้งสองอยู่ที่ 1.4 เท่า และ 1.5เท่า ตามลำดับ ซึ่งทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการเงินดังกล่าวต่อไปได้ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า
ณ เดือนกันยายน 2567 บริษัทมีหนี้สินทางการเงินรวมซึ่งไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่าอยู่ที่จำนวน 1.38 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทมีหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนซึ่งเป็นหนี้ที่มีหลักประกันของบริษัทและของบริษัทย่อยต่าง ๆ ที่จำนวน 5.7 พันล้านบาท ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินทางการเงินรวมของบริษัทอยู่ที่ระดับ 41% -032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี