นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมเป็นสักขีพยานการบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบ Host to Host และการส่งเสริมการใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส) ร่วมพัฒนาระบบรองรับการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันแบบ Host to Host เพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SME และเกษตรกรใช้ไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ มีเงินทุนต่อยอดธุรกิจให้เติบโตต่อไป พร้อมขอบคุณ ธ.ก.ส. ที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาธุรกิจไทยให้ยั่งยืน
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบ Host to Host และการส่งเสริมการใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ว่า ในวันนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2568) เป็นอีกก้าวสำคัญที่จะส่งเสริมให้ธุรกิจไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้นผ่านการพัฒนาระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบ Host to Host ซึ่งเป็นระบบที่รองรับการรับ-ส่งข้อมูลการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ ธ.ก.ส. พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ให้มีความพร้อมในการแข่งขัน และบริหารให้เกิดความสมดุลระหว่างเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค ให้ทุกฝ่ายสามารถดำเนินกิจการได้อย่างมั่นคง ผ่านการใช้ประโยชน์จากกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ รวมไปถึงการทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทุกภาคส่วนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นายนภินทร กล่าวว่า MOU ฉบับนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะเปิดทางสร้างความสำเร็จให้ SME และต่อยอดสู่การเติบโตของเศรษฐกิจของไทยโดยใช้ระบบที่มีประสิทธิภาพของทั้ง 2 หน่วยงาน มาช่วยขับเคลื่อน ได้แก่ การพัฒนาระบบเพื่อรองรับการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ระหว่างกรมฯ กับสถาบันการเงิน (ธ.ก.ส.) โดยตรง ซึ่งจะทำให้สามารถรับ-ส่งคำขอจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และแม่นยำ นอกจากนี้ยังส่งเสริมการใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อให้เกษตรกรสามารถใช้ทรัพย์สินในรูปแบบไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมาเป็นหลักประกันการขอสินเชื่อโดยไม่ต้องตัดต้นไม้
รวมทั้ง ยังสามารถสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต ประกอบกับเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนเครดิตสอดรับกับการพัฒนาธุรกิจของไทยสู่อนาคตที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับการสร้างเศรษฐกิจสีเขียว พร้อมกันนี้ ทั้ง 2 หน่วยงานจะร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนด้านวิชาการในการสร้างความรู้ ความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ และบุคคลทั่วไป มีความรู้เกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ ปลูกป่า และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน รวมถึงการนำไม้ยืนต้นมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นอกจากมีภารกิจการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการแล้ว ยังกำกับดูแลกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งเป็นกฎหมายที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดยการนำทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจมาใช้เป็นหลักประกันการขอสินเชื่อ โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สินกับสถาบันการเงินที่เป็นผู้รับหลักประกัน ทำให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ประกอบกิจการต่อไปได้ ซึ่งทรัพย์สินที่สามารถนำมาเป็นหลักประกันตามกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ ได้แก่ 1) กิจการ เช่น ร้านอาหารเคลื่อนที่ (ฟู้ดทรัค) 2) สิทธิเรียกร้อง เช่น สิทธิในเงินฝาก 3) สังหาริมทรัพย์ที่ผู้ให้หลักประกันใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น เครื่องจักร 4) อสังหาริมทรัพย์ในกรณีที่ผู้ให้หลักประกันประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง เช่น คอนโดมิเนียม 5) ทรัพย์สินทางปัญญา เช่น เครื่องหมายการค้า สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ และ 6) ทรัพย์สินอื่น ได้แก่ ไม้ยืนต้น
“โอกาสนี้ผมต้องขอขอบคุณ ธ.ก.ส. ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน เกษตรกร และประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะเกษตรกรให้ได้รับโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และเป็นธนาคารแห่งแรกที่รับไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อนำเงินมาเป็นทุนต่อยอดทำธุรกิจ โดยรับไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันแล้วจำนวน 1,520 ต้น วงเงินหลักประกันมากกว่า 10 ล้านบาท และจากสถิติของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในภาพรวมมีการจดทะเบียนรับไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันแล้วจำนวน 167,302 ต้น วงเงินหลักประกันกว่า 185 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 31 ธันวาคม 2567) ”นายนภินทรกล่าว
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี